กระแสความงาม-ลดน้ำหนักมาแรง สบโอกาสปูทางสร้างแบรนด์ เรียกความเชื่อมั่นผ่านงบ 10 ล้านบาท หวังดันยอดขายสู่ 300 ล้านบาทในปีนี้ ในตลาดอาหารเสริมลดน้ำหนักมูลค่า 8,500 ล้านบาท ที่ปีนี้คาดโต 20% ทะลุ 10,000 ล้านบาท
นายวโรดม โง้วศิริ ประธาน บริษัท วิวรรณคอสเมติก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมลดน้ำหนัก ภายใต้แบรนด์ “ครีเอทีน” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอาหารเสริมลดน้ำหนักทั้งระบบ เชื่อว่าปีก่อนมีมูลค่า 8,500 ล้านบาท โตปีละ 10% ปีนี้น่าจะโต 20% หรือน่าจะมีมูลค่าถึง 10,000 ล้านบาทได้ ซึ่งภาพรวมผู้เล่นในตลาดนั้นจะเป็นโลคัลแบรนด์กว่า 80% และเป็นอินเตอร์แบรนด์ 20% และครึ่งของมูลค่าตลาดมาจากแบรนด์สินค้าที่ไม่ผ่าน อย. ไม่ได้มาตรฐาน เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างมาก
สำหรับบริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความมั่นใจจากลูกค้าด้วยคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐาน ส่วนสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเชื่อว่าจะยังคงอยู่และมีเพิ่มเข้ามาอีกเป็นร้อยรายในปีนี้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการลดน้ำหนักด้วยสินค้าที่มีราคาถูกกว่าเป็น 10 เท่า บวกกับการเคลมสินค้าอย่างหนัก ทำให้กลุ่มสินค้าเหล่านี้มีมูลค่าในตลาดกว่า 50%
นายวโรดมกล่าวต่อว่า บริษัทฯ ใช้งบการตลาดรวมกว่า 40 ล้านบาทเพื่อใช้ทำตลาด สร้างแบรนด์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แคมเปญ “Fat Becomes Fit เฟิร์มกระชับรับทองกิโลละบาท” อีกทั้งยังใช้งบกว่า 20 ล้านบาท สำหรับสร้างโรงงานผลิตสินค้าที่จังหวัดพัทลุงรองรับไลน์สินค้าใหม่ด้วย มั่นใจว่าจะส่งให้ปลายปีนี้มีรายได้กว่า 300 ล้านบาท มาจากกลุ่มสลิมมิ่ง 90% และเวชสำอาง 10% เติบโตขึ้น 200% จากปีก่อนเป็นปีแรกที่เข้ามารุกในตลาดนี้ และมีรายได้ไปกว่า 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1. สลิมมิ่ง มีสินค้าอยู่ 3 ตัว 2. อาหารเสริมเพื่อผิวพรรณ 2 ตัว และ 3. เวชสำอาง ซึ่งกำลังพัฒนาและจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสามปีนี้ 2 ตัว คือ กลุ่มดูแลริ้วรอยและผิวขาว
นายวโรดม โง้วศิริ ประธาน บริษัท วิวรรณคอสเมติก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารเสริมลดน้ำหนัก ภายใต้แบรนด์ “ครีเอทีน” เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอาหารเสริมลดน้ำหนักทั้งระบบ เชื่อว่าปีก่อนมีมูลค่า 8,500 ล้านบาท โตปีละ 10% ปีนี้น่าจะโต 20% หรือน่าจะมีมูลค่าถึง 10,000 ล้านบาทได้ ซึ่งภาพรวมผู้เล่นในตลาดนั้นจะเป็นโลคัลแบรนด์กว่า 80% และเป็นอินเตอร์แบรนด์ 20% และครึ่งของมูลค่าตลาดมาจากแบรนด์สินค้าที่ไม่ผ่าน อย. ไม่ได้มาตรฐาน เป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างมาก
สำหรับบริษัทฯ มองว่าเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักและสร้างความมั่นใจจากลูกค้าด้วยคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐาน ส่วนสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเชื่อว่าจะยังคงอยู่และมีเพิ่มเข้ามาอีกเป็นร้อยรายในปีนี้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการลดน้ำหนักด้วยสินค้าที่มีราคาถูกกว่าเป็น 10 เท่า บวกกับการเคลมสินค้าอย่างหนัก ทำให้กลุ่มสินค้าเหล่านี้มีมูลค่าในตลาดกว่า 50%
นายวโรดมกล่าวต่อว่า บริษัทฯ ใช้งบการตลาดรวมกว่า 40 ล้านบาทเพื่อใช้ทำตลาด สร้างแบรนด์ และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น แคมเปญ “Fat Becomes Fit เฟิร์มกระชับรับทองกิโลละบาท” อีกทั้งยังใช้งบกว่า 20 ล้านบาท สำหรับสร้างโรงงานผลิตสินค้าที่จังหวัดพัทลุงรองรับไลน์สินค้าใหม่ด้วย มั่นใจว่าจะส่งให้ปลายปีนี้มีรายได้กว่า 300 ล้านบาท มาจากกลุ่มสลิมมิ่ง 90% และเวชสำอาง 10% เติบโตขึ้น 200% จากปีก่อนเป็นปีแรกที่เข้ามารุกในตลาดนี้ และมีรายได้ไปกว่า 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทฯ มีสินค้าอยู่ 3 กลุ่ม คือ 1. สลิมมิ่ง มีสินค้าอยู่ 3 ตัว 2. อาหารเสริมเพื่อผิวพรรณ 2 ตัว และ 3. เวชสำอาง ซึ่งกำลังพัฒนาและจะเปิดตัวในช่วงไตรมาสสามปีนี้ 2 ตัว คือ กลุ่มดูแลริ้วรอยและผิวขาว