คมนาคมเข้มงวดปล่อยโคมลอย-บั้งไฟ หวั่นกระทบการบิน

“คมนาคม” กำหนดมาตรการควบคุม ปล่อยโคมลอย-บั้งไฟ ขอความร่วมมือปล่อยโคมหลังเวลา 21.00 น. ห่างจากสนามบินรัศมีไม่น้อยกว่า 6 กม. ส่วนบั้งไฟไม่น้อยกว่า 8 กม. เลี่ยงผลกระทบและอุบัติเหตุด้านการบิน

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมพิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันการปล่อยโคมและการจุดบั้งไฟ วานนี้ (27 มี.ค.) ว่า ที่ประชุมได้ออก 2 มาตรการควบคุมการปล่อยโคมลอย และการจุดบั้งไฟ ประกอบด้วย การขอความร่วมมือเพื่อควบคุมการปล่อยโคมว่าจะต้องอยู่ห่างจากเขตสนามบินรัศมีประมาณ 6 กิโลเมตร และจะต้องปล่อยโคมลอยหลังเวลา 21.00 น. และมาตรการจุดบั้งไฟจะต้องไม่กระทำใกล้สนามบินรัศมี 8 กิโลเมตร และจะต้องมีความสูงไม่เกิน 5,000 ฟิต เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุทางเดินอากาศ

ทั้งนี้ กำหนดขนาดของโคมลอยขนาดเล็กจะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 50 ซม. มีระยะเวลาการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงไม่เกิน 4 นาที โคมลอยขนาดกลางจะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 50 ซม. แต่ไม่เกิน 70 ซม. มีระยะเวลาการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงไม่เกิน 5 นาที และโคมลอยขนาดใหญ่จะต้องมีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 70 ซม.แต่ไม่เกิน 90 ซม. มีระยะเวลาการเผาไหม้ของเชื้อเพลิง ไม่เกิน 8 นาที

อย่างไรก็ตาม การกำหนดขนาดดังกล่าวถือว่าเป็นมาตรฐานที่กำหนดใน พ.ร.บ.เดินอากาศฯโดยได้กำหนดควบคุมโคมลอยเพิ่มเติม ส่วนการควบคุมบั้งไฟนั้นอยู่การกำหนด พ.ร.บ.อาวุธปืน เนื่องจากมีความรุนแรง ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน ทางกระทรวงคมนาคม จะร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจังหวัดช่วยดูแลความเรียบร้อยดังกล่าว

“การควบคุมมาตรการดังกล่าวนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความปลอดภัย และอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นทางเดินอากาศ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบันประเพณีการปล่อยโคมลอยและโคมควันในพื้นที่ภาคเหนือ เป็นประเพณีที่มีความนิยม รวมทั้งยังสืบทอดมาอย่างยาวนาน ซึ่งขณะนี้ได้ขอความร่วมมือสำหรับจะมีการปล่อยโคมนั้นจะต้องอยู่ห่างจากเขตสนามบินประมาณ 6 กิโลเมตร และต้องเป็นช่วงเวลาหลัง 21.00 น. เนื่องจากการทำการบินจะมีจำนวนน้อยลง ซึ่งจะลดปริมาณการเลี่ยงกระทบด้านการบิน และการจุดบั้งไฟจะต้องไม่กระทำใกล้สนามบินรัศมี 8 กิโลเมตร และจะต้องมีความสูงไม่เกิน 5,000 ฟิต ซึ่งถือว่าควบคุมได้” พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว