“เดอะมอลล์ กรุ๊ป-ซิตี้แบงก์-Visa” ร่วมพัฒนารูปแบบสู่บัตรเครดิตShopping & Lifestyle ระดับสากล ล่าสุดจับมือห้าง “ชินซาเกะ” แดนกิมจิ มอบส่วนลด 3-10% ให้ลูกค้าทั้งไทย-เกาหลี พร้อมจัดทำแอพฯ สะสมแต้มอิเล็กทรอนิกส์บนสมาร์ทโฟน หวังปี 2560 มียอดผู้ถือบัตร 7.5 แสนราย
นางณัฐศมน วงศ์กิตติพัฒน์ ผู้จัดการใหญ่การตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยถึงแนวคิดการปรับปรุงโฉมใหม่ของบัตรเครดิต Citi M Visa ว่า บัตรเครดิตดังกล่าวถือเป็นเป็นบัตร Co-Brand Credit Card ระหว่าง 3 พันธมิตรสำคัญคือห้างสรรพสินค้าในกลุ่มเดอะมอลล์กรุ๊ป ได้แก่ เดอะ มอลล์ ดิเอ็มโพเรียม และพารากอน โดยได้รับความร่วมมือจากธนาคารซิตี้แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารระดับโลกที่มีสาขาอยู่ในประเทศต่างๆ กว่า 160 ประเทศ รวมทั้ง Visa ซึ่งถือเป็นแบรนด์การเงินที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลก
สำหรับกลุ่มลูกค้าบัตรเครดิต Citi M Visa ปัจจุบันมีประมาณ 5 แสนราย แบ่งเป็น Platinum Select ซึ่งถือเป็นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่มีฐานเงินเดือนเฉลี่ยประมาณ 2-3 แสนบาท มียอดใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นบาทต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15% ลูกค้ากลุ่มPlatinum Reward ที่มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 7 หมื่นบาท มียอดใช้จ่ายประมาณ 3 หมื่นบาทต่อเดือน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 35% และลูกค้ากลุ่ม Platinum Classic ที่มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 1.5 หมื่นบาท มียอดใช้จ่ายประมาณ 6,500 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50%
“ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบัตรเครดิต Citi M Visa มีอัตราการเติบโตของยอดใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องสูงกว่า 40% โดยกว่า 90% ของจำนวนผู้ถือบัตรเป็นลูกค้าที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง หรือ Active Cardโดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มลูกค้าระดับบนมียอดใช้จ่ายที่สูงและต่อเนื่องกว่า 97% เราจึงเน้นทำการตลาดกับลูกค้ากลุ่มนี้เป็นพิเศษโดยจะมีการอัพเกรดให้เป็นบัตร Citi M Visa Select Signature”
สำหรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้าในปี 2555คิดเป็นการชำระด้วยเงินสดประมาณ 48% และชำระผ่านบัตรประมาณ 52% ซึ่งมีอัตราการเติบโตขึ้นประมาณ 20% และคาดว่าในปี 2556 ลูกค้าที่ชำระด้วยบัตรจะยังคงมีอัตราการเติบโตในสัดส่วนเท่าเดิมคือประมาณ 20% จึงคาดว่าในปี 2556 ซึ่ง “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” ตั้งเป้ายอดขายประมาณ 5 หมื่นล้านบาทนั้นจะมีลูกค้าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต Citi M Visaประมาณ 5,200 ล้านบาท
“พฤติกรรมการใช้บัตรในการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า Citi M Visa ถือเป็นปรากฏการณ์ที่มีความแตกต่างและสวนกลับจากบัตรของห้าง หรือธนาคารอื่นๆ ซึ่งมักจะเน้นการซื้อสินค้าของค่ายๆ นั้นในสัดส่วนมากถึง 80% ในขณะที่ลูกค้า Citi M Visa ใช้จ่ายเพียง 20% นั่นย่อมหมายความว่าลูกค้าสามารถนำบัตรไปจับจ่ายใช้สอยในเรื่องอื่นๆ ได้มากถึง 80% ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่น่าปลื้มใจมาก”
ในช่วงปีที่ 6-10 ของการดำเนินงานบัตรเครดิต Citi M Visaจะยังคงเน้นกลยุทธ์การทำการตลาดด้วยการรักษาฐานลูกค้าเก่าและขยายลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ พร้อมทั้งมีแนวทางการพัฒนาบัตรดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเพื่อให้ครอบคลุมแนวคิด “Global Shopping & Lifestyle Credit Card” โดยจะมุ่งเน้นใน 3 เรื่องหลักคือภาพลักษณ์ใหม่ (New Look) ประสบการณ์ใหม่ (New Touch) และสิทธิประโยชน์ทั่วโลก (New Borderless Privileges) โดยคาดว่าจะมีผู้ถือบัตรเพิ่มขึ้นเป็น 7.5 แสนรายภายในปี 2560
ด้านนายธีรวัฒน์ ตรีรัตน์ดิลกกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิต ธนาคารซิตี้แบงก์ กล่าวเพิ่มเติมถึงแนวทางการพัฒนาบัตร Citi M Visa ในระดับสากล หรือ The New Horizon of The Ultimate Experienceโดยมุ่งเน้นร่วมมือกับประเทศต่างๆ ที่ลูกค้าชาวไทยนิยมเดินทางไปชอปปิ้ง เช่น ประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สิงคโปร์ และอื่นๆ โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับซิตี้แบงก์เกาหลี ภายใต้โครงการแลกเปลี่ยน “Cross Card, Cross Border Privileges” ซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ให้ผู้ถือบัตรและขยายส่วนแบ่งทางการตลาดสำหรับลูกค้าต่างประเทศ
“ในโครงการดังกล่าวสมาชิกบัตร Citi M Visa จะได้รับส่วนลด 3-5 % เมื่อชอปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าชินซาเกะ (Shinsegae) ประเทศเกาหลี ขณะเดียวกันสมาชิกบัตรเครดิต Citibank Shinsegae สามารถรับส่วนลด 5-10% เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและใช้จ่ายที่ห้างพารากอน ดิ เอ็มโพเรียม และเดอะ มอลล์”
ธนาคารซิตี้แบงก์ยังมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นในลักษณะของการสะสมแต้มอิเล็กทรอนิกส์บนสมาร์ทโฟน เพื่อให้ลูกค้ารับสิทธิประโยชน์ต่างๆ อย่างสะดวกมากขึ้น โดยลูกค้าสามารถดาวน์โหลด App STAMP ได้ฟรี
แนวทางการพัฒนาบัตรเครดิต Citi M Visa รูปโฉมใหม่ยังมีการนำกลยุทธ์ Personalized Marketing มาจัดโปรโมชันเฉพาะที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละเซกเมนต์ในรูปแบบ One-on-One Marketing อาทิ มอบโบนัสพิเศษที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของสมาชิกบัตรแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นการชอปปิ้ง การรับประทานอาหาร การท่องเที่ยว สุขภาพ หรือความสวยความงาม เป็นต้น
