แฟชั่นมาแรง คนไทยแต่งตัวเก่ง แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าต่างชาติเตรียมจ่อคิวกว่า 10 แบรนด์สู่กลุ่มซีเอ็มจี ตามนโยบายดันศูนย์การค้าของซีพีเอ็นขึ้นแท่นผู้นำแฟชั่นในไทย ชูเซ็นทรัลเวิลด์ เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม9 และเซ็นทรัลลาดพร้าวม สู่ แฟชั่นแคปิตอลของคนรุ่นใหม่
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมานี้พฤติกรรมของคนไทยมีความเป็นแฟชั่นมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของเสื้อผ้าที่มีความเชี่ยวชาญในการมิกซ์แอนด์แมตช์สูง บวกกับกลุ่มคนชั้นกลางซึ่งเป็นฐานใหญ่ของประเทศมีกำลังซื้อสูงขึ้น
รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมซื้อเสื้อผ้าแบรนด์แฟชั่นในไทยด้วยแล้ว ทำให้กลุ่มแบรนด์เสื้อผ้าประเภทฟาสต์แฟชั่น และ บริดจ์ ไลน์ มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องเป็นตัวเลขไม่ต่ำกว่า 2 หลักทุกปี ส่งผลให้แบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าอีกหลายรายจากต่างประเทศสนใจที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยมากขึ้น
ล่าสุดบริษัทฯ ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาท โดยการจับมือกับเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ดัง จากกลุ่ม CMG, Minor, Gagan, XXI Forever, UNIQLO, Jaspal, Club21, Kate Spade ร่วมกันผลักดันศูนย์การค้าของซีพีเอ็นสู่ผู้นำด้านแฟชั่น ในฐานะศูนย์กลางแฟชั่นที่ใหญ่สุดของประเทศ พร้อมดัน 3 ศูนย์การค้าหลัก คือ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 และเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ให้เป็นแฟชั่นแคปิตอล หรือเมืองหลวงแห่งแฟชั่นของคนรุ่นใหม่
รวมถึงในอนาคตที่จะผลักดันให้ศูนย์การค้าในเมืองท่องเที่ยวอย่าง เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัล เฟสติวัล หาดใหญ่ ก้าวสู่ความเป็นผู้นำแฟชั่นเช่นกัน จากตัวเลขยอดการใช้จ่ายของลูกค้าระหว่างคนไทยและนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 50 % เท่าๆ กันแล้ว
ด้านนางสาวอรภร สมมติวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด หรือซีเอ็มจี กล่าวว่า สำหรับกลุ่มซีเอ็มจีมีสินค้าที่ทำตลาดอยู่ทั้งหมดกว่า 110 แบรนด์ โดยกว่า 50 แบรนด์เป็นแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้า เช่น ท็อปชอป ซึ่งปีนี้ทำตลาดเข้าสู่ปีที่ 6 โดยที่ผ่านมามียอดขายเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% จากปีก่อนโต 17% จากทั้งหมด 4 สาขา คือ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล พัทยา, เซ็นทรัล ลาดพร้าว และเซ็นทรัล ชิดลม และภายในปีนี้จะเปิดเพิ่มอีก 2 สาขาที่เซ็นทรัล เชียงใหม่ และเซ็นทรัล หาดใหญ่ แต่ละสาขาลงทุนไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากกระแสคนไทยที่ตอบรับความเป็นแฟชั่นที่มีมากขึ้น ปัจจุบันพบว่า กลุ่มฟาสต์แฟชั่นมีการใช้จ่ายต่อบิลเฉลี่ยอยู่ที่ 2,500-3,000 บาท ส่วนบริดจ์ไลน์ อยู่ที่ 3,500-4,000 บาทขึ้นไป ส่งผลให้มีแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำจากต่างประเทศเตรียมที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยอีกหลายแบรนด์ โดยเฉพาะในส่วนของซีเอ็มจีนั้นขณะนี้กำลังมีการเจรจาที่จะนำเข้ามาทำตลาดอีกไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ที่จะทยอยนำเข้ามาทำตลาดในช่วงปีนี้ไปจนถึงปีหน้า
ด้านนายธนพงศ์ จิราพาณิชกุล ผู้บริหาร เครือ AT Luxury บริหารแบรนด์ Kate spade และJack spade กล่าวเสริมว่า ในส่วนของบริษัทเองปัจจุบันมีแบรนด์แฟชั่นบริหารอยู่กว่า 5 แบรนด์ และภายในปีหน้าจะเพิ่มเข้ามาอีก 1 แบรนด์ คือ Kate spade Saturday สำหรับกลุ่มวัยรุ่น จากปัจจุบันพบว่า Kate spade ในไทยสิ้นปีที่ผ่านมามียอดขายเติบโตสูงสุดในเอเชีย หรือต่อการใช้จ่ายต่อบิลต่อครั้งไม่ต่ำกว่า 10,500 บาท