“พพ.” เผยโครงการจูนอัพรถยนต์เก่าเพื่อให้ใช้แก๊สโซฮอล์ได้หลังรัฐเลิกขายเบนซิน 91 ล่าสุดมีผู้เข้าร่วมเพียง 3,000 ราย ถือว่าค่อนข้างต่ำ แนวโน้มคงจะไม่ขยายเวลาโครงการที่จะสิ้นสุด 24 เม.ย.นี้ เผย 3 ปัจจัยรถเก่าติดแอลพีจีไปแล้ว รถส่วนหนึ่งหันไปเติมเบนซิน 95 และอีกส่วนหันไปใช้แก๊สโซฮอล์อยู่ก่อนแล้ว
นายประพนธ์ วงษ์ท่าเรือ ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเชื้อเพลิงชีวภาพ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการจัดตั้งศูนย์บริการปรับแต่งเครื่องยนต์หรือจูนอัพให้สามารถใช้แก๊สโซฮอล์หลังรัฐมีนโยบายยกเลิกจำหน่ายเบนซิน 91 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 56 ว่า นับตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค. 55 ที่ได้เริ่มเปิดโครงการจูนอัพจนถึงล่าสุดขณะนี้ภาพรวมมีรถยนต์และรถจักรยานยนต์เข้าโครงการนำรถมาจูนอัพแล้วประมาณ 3,000 ราย ซึ่งถือเป็นอัตราที่ค่อนข้างต่ำหากพิจารณาตัวเลขปัจจุบันมีแนวโน้มสูงที่ พพ.อาจพิจารณาไม่ขยายเวลาโครงการออกไปที่จะสิ้นสุด 24 เม.ย. 56
“กระทรวงพลังงานได้เตรียมงบประมาณจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 66 ล้านบาทในการดำเนินงานส่งเสริมการจูนอัพ ซึ่งเบื้องต้นเราหวังว่าจะมีรถเข้ามาปรับเปลี่ยนประมาณ 2 แสนคัน ก็ยอมรับว่าที่ทยอยเข้ามาค่อนข้างต่ำมาก ถ้าประเมินวันนี้คงไม่จำเป็นต้องขยายเวลาโครงการ เว้นแต่ช่วงต่อไปจะมีเข้ามามากแบบผิดปกติจริงๆ” นายประพนธ์กล่าว
ทั้งนี้ จากการลงพื้นที่และหารือร่วมกับคณะอาจารย์จากสถาบันการศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ พบสาเหตุสำคัญ 3 ปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้รถนำมาจูนอัพน้อย ได้แก่ 1. รถเก่าส่วนหนึ่งได้หันไปติดตั้งแอลพีจีไปแล้วก่อนหน้านี้ 2. รถยนต์บางกลุ่มยังสามารถใช้เบนซิน 91 เพราะยังมีจำหน่ายจึงยังไม่คิดจะนำมาติดตั้ง และอีกส่วนหนึ่งหันไปเติมเบนซิน 95 ที่เริ่มมีราคาต่ำลงหลังมีการใช้เพิ่มขึ้น และ 3. มีการหันไปใช้แก๊สโซฮอล์ก่อนหน้าแล้ว
สำหรับผู้ที่สนใจจะจูนอัพ ขณะนี้โครงการยังคงเปิดรับบริการโดยไม่คิดค่าแรงติดตั้ง ซึ่ง พพ.ร่วมกับมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาและสถาบันการศึกษาของรัฐเข้าร่วมดำเนินงานถึง 200 แห่งทั่วประเทศ โดยรถยนต์ที่อยู่ในข่ายมีประมาณ 2 ล้านคัน แบ่งเป็นรถยนต์ 500,000 คัน มอเตอร์ไซค์ 500,000 คัน และเครื่องยนต์การเกษตร 1 ล้านคัน ผู้สนใจติดต่อสถาบันอาชีวะแต่ละจังหวัดที่ขึ้นป้ายเข้าร่วมโครงการกับกระทรวงพลังงาน หรือติดต่อสายด่วนของกรมฯ 08-1938-8927, 08-1938-8312, 08-1938-8669