ข้าวถุงขู่ขึ้นราคาหาก “พาณิชย์” ไม่ช่วยแก้ไขถูกห้างค้าปลีกรีดค่าธรรมเนียมส่งสินค้าขายในห้างแบบไม่เป็นธรรม เสนอให้เรียกถก 3 ฝ่ายก่อนทำเอ็มโอยู
นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ จะจัดทำหนังสือถึงกรมการค้าภายในเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาถูกห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) คิดค่าธรรมเนียมการวางขายข้าวถุงอย่างไม่เป็นธรรม โดยเสนอให้จัดประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และผู้ประกอบการค้าปลีก มาหารือจัดทำสัญญามาตรฐานเพื่อกำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่ อัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เรียกเก็บจากผู้ผลิตข้าวถุงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่หากกระทรวงพาณิชย์ไม่มีการแก้ไข ต่อไปผู้ผลิตข้าวถุงอาจพิจารณาขึ้นราคาข้าวถุงแทน เพื่อเป็นการลดภาระต้นทุนของผู้ผลิต
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากผู้ผลิตข้าวถุงว่ากำลังประสบปัญหาถูกเรียกเก็บค่าเรียกเข้าสำหรับวางขายข้าวถุงในห้างเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มแต่ไม่สามารถปรับราคาได้ สมาคมฯ จึงเสนอให้มีการจัดทำเป็นสัญญาระยะยาวไม่ต่ำกว่า 3 ปีแทนการทำสัญญาแบบปีต่อปี รวมถึงให้ผู้ผลิตข้าวถุงเข้าไปมีส่วนร่วมพิจารณาการตั้งราคาขายในห้าง ไม่ว่าจะเป็นราคาขายส่งหรือขายปลีก
“ผู้ผลิตเห็นว่าจะยังไม่ตกลงเงื่อนไขค่าธรรมเนียมใหม่ๆ กับห้างตอนนี้ และให้ห้างคิดอัตราเดิมไปก่อนจนกว่าจะตกลงกันได้ว่าจะใช้เงื่อนไขและอัตราใหม่ที่เป็นธรรมอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจข้าวถุงอยู่ได้ โดยเสนอให้ทำเอ็มโอยูระหว่างผู้ผลิตข้าวถุงกับห้างค้าปลีกเพื่อจัดทำมาตรฐานค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม และน่าจะเป็นมาตรฐานนำร่องสำหรับการคิดค่าธรรมเนียมของสินค้าชนิดอื่นที่ประสบปัญหาเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้นหากผู้ผลิตแบกรับภาระไม่ไหวก็ต้องขึ้นราคาสินค้า ทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อของแพงในที่สุด”
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการข้าวถุงยังถูกกดดันด้วยต้นทุนด้านอื่นๆ อีก ทั้งต้องแบกรับต้นทุนการผลิตเพิ่ม จากค่าข้าวที่สูงขึ้นจากโครงการจำนำ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และอีกด้านหนึ่งถูกคุมราคาขายปลายทาง โดยปัจจุบันข้าว 1 ถุงจะเป็นต้นทุนข้าว 80% ค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้วางขายอีก 10-20% เหลือค่าบริหารจัดการและกำไรจากการขาย 3-5%
นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯ จะจัดทำหนังสือถึงกรมการค้าภายในเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาถูกห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) คิดค่าธรรมเนียมการวางขายข้าวถุงอย่างไม่เป็นธรรม โดยเสนอให้จัดประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย และผู้ประกอบการค้าปลีก มาหารือจัดทำสัญญามาตรฐานเพื่อกำหนดอัตราค่าเช่าพื้นที่ อัตราจัดเก็บค่าธรรมเนียม และค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เรียกเก็บจากผู้ผลิตข้าวถุงให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่หากกระทรวงพาณิชย์ไม่มีการแก้ไข ต่อไปผู้ผลิตข้าวถุงอาจพิจารณาขึ้นราคาข้าวถุงแทน เพื่อเป็นการลดภาระต้นทุนของผู้ผลิต
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสมาคมฯ ได้รับการร้องเรียนจากผู้ผลิตข้าวถุงว่ากำลังประสบปัญหาถูกเรียกเก็บค่าเรียกเข้าสำหรับวางขายข้าวถุงในห้างเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มแต่ไม่สามารถปรับราคาได้ สมาคมฯ จึงเสนอให้มีการจัดทำเป็นสัญญาระยะยาวไม่ต่ำกว่า 3 ปีแทนการทำสัญญาแบบปีต่อปี รวมถึงให้ผู้ผลิตข้าวถุงเข้าไปมีส่วนร่วมพิจารณาการตั้งราคาขายในห้าง ไม่ว่าจะเป็นราคาขายส่งหรือขายปลีก
“ผู้ผลิตเห็นว่าจะยังไม่ตกลงเงื่อนไขค่าธรรมเนียมใหม่ๆ กับห้างตอนนี้ และให้ห้างคิดอัตราเดิมไปก่อนจนกว่าจะตกลงกันได้ว่าจะใช้เงื่อนไขและอัตราใหม่ที่เป็นธรรมอย่างไรเพื่อให้ธุรกิจข้าวถุงอยู่ได้ โดยเสนอให้ทำเอ็มโอยูระหว่างผู้ผลิตข้าวถุงกับห้างค้าปลีกเพื่อจัดทำมาตรฐานค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม และน่าจะเป็นมาตรฐานนำร่องสำหรับการคิดค่าธรรมเนียมของสินค้าชนิดอื่นที่ประสบปัญหาเดียวกัน เพราะไม่อย่างนั้นหากผู้ผลิตแบกรับภาระไม่ไหวก็ต้องขึ้นราคาสินค้า ทำให้ผู้บริโภคต้องซื้อของแพงในที่สุด”
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการข้าวถุงยังถูกกดดันด้วยต้นทุนด้านอื่นๆ อีก ทั้งต้องแบกรับต้นทุนการผลิตเพิ่ม จากค่าข้าวที่สูงขึ้นจากโครงการจำนำ ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท และค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และอีกด้านหนึ่งถูกคุมราคาขายปลายทาง โดยปัจจุบันข้าว 1 ถุงจะเป็นต้นทุนข้าว 80% ค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้วางขายอีก 10-20% เหลือค่าบริหารจัดการและกำไรจากการขาย 3-5%
