สาเหตุสำคัญที่สุดของความล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงเพื่อพลิกชีวิตเรื่องเงินๆทองๆของคนส่วนใหญ่ มาจากการขาดความุ่งมั่นและรักษาพันธะสัญญาทางใจที่ให้ไว้กับตัวเอง ที่ต้องการจะมีชีวิตที่แตกต่างจากคนธรรมดาส่วนใหญ่ในสังคม
เพราะอย่างนั้น โปรดอย่าลืมว่า “คุณต้องใช้ชีวิตแตกต่างจากคนธรรมดาตั้งแต่วันนี้ หากต้องการเป็นคนไม่ธรรมดาในอนาคต”
คำถามง่ายๆที่ คุณต้องถามตัวเองก็คือ ถึงแม้คุณอาจจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในสายตาของคนอื่น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรหากคุณกลับล้มเหลวในการจัดการชีวิตของตนเอง
เมื่อเราเผชิญกับปัญหาเรื่องเงิน ความั่นคงหนักแน่นในเรื่องของ“จิตใจ” เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคสมัยบริโภคนิยมอย่างในปัจจุบัน เพราะระหว่างเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณจะตั้งปณิธานที่แน่วแน่เพียงไร แต่โอกาสที่คุณจะเกิดอาการไขว้เขว และสั่นไหว ไปตามอารมณ์ของความต้องการแบบเดี๋ยวนี้ ที่มักจะมีไอ้เจ้าเสียงเล็กๆมากระซิบข้างหูคุณ ให้เปลี่ยนความตั้งใจมันจะเกิดขึ้นตลอดเวลา
เพราะอย่างนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นปฏิบัติการในแผนตัดค่าใช้จ่ายส่วนตัว ด้วยวิธี ลด-ละ-เลิก พฤติกรรมที่เคยผลาญเงินในอดีตของคุณนั้น คุณจะต้องเลิกพฤติกรรม “การคิดบัญชีไว้ในใจ” เปลี่ยนมาเริ่มลงมือบันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่ต้องทำกันอย่างจริงจัง
พันธะสัญญาทางใจจะเกิดขึ้นเมื่อมีลายลักษณ์อักษรปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันมูลค่าที่เป็นตัวเงินที่แท้จริงจะกลายเป็นเงินก้อนโตพอที่จะทำให้คุณเห็นถึงความแตกต่าง มากกว่าการตีค่าทางใจ
หลายคนอาจจะ”เซอร์ไพรส์” เมื่อได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนว่า ตัวเองได้สูญเสียเงินทองไปมากมายขนาดไหนกับค่าใช้จ่ายที่ไร้สาระในอดีต โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ บางคนอาจจะสูงถึง 1/3 ของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน!!!
ในขั้นตอนปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สำคัญที่สุดที่คุณจะต้องลงมือกระทำทันทีคือการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเสียใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยง “ตัวกระตุ้น” ที่จะทำให้จิตใจของคุณสั่นไหว ซึ่งมันอาจจะยากลำบากในตอนแรก แต่เมื่อคุณเริ่มเห็นผลลัพธ์จากความเพียรพยายามที่เกิดขึ้น มันจะทำให้คุณภาคภูมิใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง
เม็ดเงินที่คุณจะดึงกลับคืนมาได้จาก แผนตัดค่าใช้จ่ายส่วนตัว คือจุดเริ่มต้นของ ลูกบอลหิมะ (Snow ball) ที่มันพร้อมที่จะ “กลิ้ง” พาคุณลงมาจากภูเขาแห่งหนี้สินที่คุณเคยก่อเอาไว้ในอดีต
เริ่มทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป คุณจะพบว่า ยอดหนี้สินในแต่ละเดือนของคุณมันจะค่อยๆลดลง ในขณะที่สภาพจิตใจของคุณกลับดีขึ้น เมื่อเริ่มมองเห็นหนทางแห่งความหลุดพ้น
แต่เส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเพื่อพลิกชีวิตก็ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งมาราธอนที่คุณอาจจะต้องวิ่งเกือบทั้งชีวิต ก่อนที่จะไปถึงเส้นชัยแห่งการมีอิสรภาพทางการเงิน
ก้าวต่อไปหลังจากผ่านขั้นตอนแรกของการลดและล้างหนี้สินได้แล้ว คือ การเริ่มลงมือในการสร้าง “เกราะป้องกัน” สำหรับ“เซอร์ไพรส์” ที่อาจจะวิ่งเข้ามาหาในอนาคต เพราะตามสถิติอย่างไม่เป็นทางการบ่งบอกว่า ให้ช่วงชีวิตของคนเราทุกๆ 10 ปี มักจะต้องพบกับเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตสักครั้งหนึ่ง คุณจึงควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
เซอร์ไพรส์ที่คุณมีโอกาสจะเจอ ไล่มาตั้งแต่ การเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุ ตกงานกระทันหัน คนในครอบครัวเสียชีวิต หรืออาจจะร้ายแรงไปกว่านั้น เช่น ไฟไหม้บ้าน
เงินฉุกเฉิน จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านั้น เพราะมันจะช่วยให้เรายังคงดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม้จะเผชิญกับห้วงเวลาคับขัน
“กองทุนฉุกเฉิน” จะต้องถูกกันเอาไว้อย่างเคร่งครัด โดยอาจจะเริ่มต้นจากก้อนเล็กๆ แต่คุณต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้ เหมือนกับการเตรียมเงินทุนสำรองเอาไว้ในบริษัท
สูตรมาตรฐานที่มักจะนิยมใช้กันคือ กองทุนฉุกเฉิน ควรจะมีไม่ต่ำกว่า 3-6 เท่าของรายได้หรือเงินเดือนของคุณ แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ดูจะมากจนน่าตกใจ
แทนที่จะตั้งเป้าหมายไว้สูงขนาดนั้น เราอาจจะเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อใส่ไว้ในบัญชี “กองทุนฉุกเฉิน” เอาไว้ประมาณ 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแต่ละเดือนของคุณ
สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมหรือละเมิดกฏเหล็กข้อนี้โดยเด็ดขาดก็คือ “กองทุนฉุกเฉิน” มันจะต้องถูกล็อคเอาไว้อย่างมั่นคง และจะแตะต้องมันก็ต่อเมื่อมันเกิดเหตุฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น
หากคุณสามารถวิ่งตามเส้นทางของการพลิกชีวิตมาจนถึงจุดนี้ การวิ่งต่อไปจนถึงเส้นชัยก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะคุณได้ผ่านเส้นทางที่โหดหินที่สุดในช่วงแรก ที่จะต้องต่อสู้กับจิตใจ และไอ้เจ้าเสียงเล็กที่คอยมากระซิบข้างหูให้คุณถอนตัวออกจากแข่งขันมาได้แล้ว
“มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ-ไม่น่าเชื่อที่ฉันจะมีเงินเก็บ-ฉันทำมันได้จริงๆ” เสียงแห่งความสำเร็จเหล่านี้มันจะดังจนกลบไอ้เจ้าเสียเล็กๆข้างหูคุณลงอย่างสิ้นเชิง
ความฝันและเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคง และก้าวไปจนถึงเส้นชัยของการมีอิสรภาพทางการเงินในบั้นปลายของชีวิตไม่ได้เป็นเพียง “นิทานก่อนนอน” ที่ช่วยให้นอนหลับฝันดีอีกต่อไป แต่มันสามารถจับต้องได้ และยิ่งนานวันมันก็จะยิ่งสร้างพลังชีวิตให้คุณวิ่งต่อไปได้อย่างเหลือเชื่อ
ที่สำคัญไปกว่านั้น มันจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่คุณจะเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างของการเป็นคนไม่ธรรมดา ซึ่งกำลังจะมีชีวิตใหม่ที่สามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้ตามใจกำหนด
เพราะอย่างนั้น โปรดอย่าลืมว่า “คุณต้องใช้ชีวิตแตกต่างจากคนธรรมดาตั้งแต่วันนี้ หากต้องการเป็นคนไม่ธรรมดาในอนาคต”
คำถามง่ายๆที่ คุณต้องถามตัวเองก็คือ ถึงแม้คุณอาจจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในสายตาของคนอื่น แต่มันจะมีประโยชน์อะไรหากคุณกลับล้มเหลวในการจัดการชีวิตของตนเอง
เมื่อเราเผชิญกับปัญหาเรื่องเงิน ความั่นคงหนักแน่นในเรื่องของ“จิตใจ” เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในยุคสมัยบริโภคนิยมอย่างในปัจจุบัน เพราะระหว่างเส้นทางของการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าคุณจะตั้งปณิธานที่แน่วแน่เพียงไร แต่โอกาสที่คุณจะเกิดอาการไขว้เขว และสั่นไหว ไปตามอารมณ์ของความต้องการแบบเดี๋ยวนี้ ที่มักจะมีไอ้เจ้าเสียงเล็กๆมากระซิบข้างหูคุณ ให้เปลี่ยนความตั้งใจมันจะเกิดขึ้นตลอดเวลา
เพราะอย่างนั้น ก่อนที่จะเริ่มต้นปฏิบัติการในแผนตัดค่าใช้จ่ายส่วนตัว ด้วยวิธี ลด-ละ-เลิก พฤติกรรมที่เคยผลาญเงินในอดีตของคุณนั้น คุณจะต้องเลิกพฤติกรรม “การคิดบัญชีไว้ในใจ” เปลี่ยนมาเริ่มลงมือบันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่ต้องทำกันอย่างจริงจัง
พันธะสัญญาทางใจจะเกิดขึ้นเมื่อมีลายลักษณ์อักษรปรากฏขึ้น ขณะเดียวกันมูลค่าที่เป็นตัวเงินที่แท้จริงจะกลายเป็นเงินก้อนโตพอที่จะทำให้คุณเห็นถึงความแตกต่าง มากกว่าการตีค่าทางใจ
หลายคนอาจจะ”เซอร์ไพรส์” เมื่อได้รู้ในสิ่งที่ไม่รู้มาก่อนว่า ตัวเองได้สูญเสียเงินทองไปมากมายขนาดไหนกับค่าใช้จ่ายที่ไร้สาระในอดีต โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่ บางคนอาจจะสูงถึง 1/3 ของค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน!!!
ในขั้นตอนปฏิบัติเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว สำคัญที่สุดที่คุณจะต้องลงมือกระทำทันทีคือการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตเสียใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยง “ตัวกระตุ้น” ที่จะทำให้จิตใจของคุณสั่นไหว ซึ่งมันอาจจะยากลำบากในตอนแรก แต่เมื่อคุณเริ่มเห็นผลลัพธ์จากความเพียรพยายามที่เกิดขึ้น มันจะทำให้คุณภาคภูมิใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง
เม็ดเงินที่คุณจะดึงกลับคืนมาได้จาก แผนตัดค่าใช้จ่ายส่วนตัว คือจุดเริ่มต้นของ ลูกบอลหิมะ (Snow ball) ที่มันพร้อมที่จะ “กลิ้ง” พาคุณลงมาจากภูเขาแห่งหนี้สินที่คุณเคยก่อเอาไว้ในอดีต
เริ่มทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป คุณจะพบว่า ยอดหนี้สินในแต่ละเดือนของคุณมันจะค่อยๆลดลง ในขณะที่สภาพจิตใจของคุณกลับดีขึ้น เมื่อเริ่มมองเห็นหนทางแห่งความหลุดพ้น
แต่เส้นทางของการเปลี่ยนแปลงเพื่อพลิกชีวิตก็ไม่ต่างอะไรกับการวิ่งมาราธอนที่คุณอาจจะต้องวิ่งเกือบทั้งชีวิต ก่อนที่จะไปถึงเส้นชัยแห่งการมีอิสรภาพทางการเงิน
ก้าวต่อไปหลังจากผ่านขั้นตอนแรกของการลดและล้างหนี้สินได้แล้ว คือ การเริ่มลงมือในการสร้าง “เกราะป้องกัน” สำหรับ“เซอร์ไพรส์” ที่อาจจะวิ่งเข้ามาหาในอนาคต เพราะตามสถิติอย่างไม่เป็นทางการบ่งบอกว่า ให้ช่วงชีวิตของคนเราทุกๆ 10 ปี มักจะต้องพบกับเหตุการณ์ร้ายแรงในชีวิตสักครั้งหนึ่ง คุณจึงควรเตรียมตัวไว้ให้พร้อม
เซอร์ไพรส์ที่คุณมีโอกาสจะเจอ ไล่มาตั้งแต่ การเจ็บป่วยจากโรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุ ตกงานกระทันหัน คนในครอบครัวเสียชีวิต หรืออาจจะร้ายแรงไปกว่านั้น เช่น ไฟไหม้บ้าน
เงินฉุกเฉิน จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันเหล่านั้น เพราะมันจะช่วยให้เรายังคงดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม้จะเผชิญกับห้วงเวลาคับขัน
“กองทุนฉุกเฉิน” จะต้องถูกกันเอาไว้อย่างเคร่งครัด โดยอาจจะเริ่มต้นจากก้อนเล็กๆ แต่คุณต้องตั้งเป้าหมายเอาไว้ เหมือนกับการเตรียมเงินทุนสำรองเอาไว้ในบริษัท
สูตรมาตรฐานที่มักจะนิยมใช้กันคือ กองทุนฉุกเฉิน ควรจะมีไม่ต่ำกว่า 3-6 เท่าของรายได้หรือเงินเดือนของคุณ แต่ตัวเลขดังกล่าวก็ดูจะมากจนน่าตกใจ
แทนที่จะตั้งเป้าหมายไว้สูงขนาดนั้น เราอาจจะเปลี่ยนมาตั้งเป้าหมายเก็บเงินเพื่อใส่ไว้ในบัญชี “กองทุนฉุกเฉิน” เอาไว้ประมาณ 3 - 6 เท่าของค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแต่ละเดือนของคุณ
สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมหรือละเมิดกฏเหล็กข้อนี้โดยเด็ดขาดก็คือ “กองทุนฉุกเฉิน” มันจะต้องถูกล็อคเอาไว้อย่างมั่นคง และจะแตะต้องมันก็ต่อเมื่อมันเกิดเหตุฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น
หากคุณสามารถวิ่งตามเส้นทางของการพลิกชีวิตมาจนถึงจุดนี้ การวิ่งต่อไปจนถึงเส้นชัยก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะคุณได้ผ่านเส้นทางที่โหดหินที่สุดในช่วงแรก ที่จะต้องต่อสู้กับจิตใจ และไอ้เจ้าเสียงเล็กที่คอยมากระซิบข้างหูให้คุณถอนตัวออกจากแข่งขันมาได้แล้ว
“มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อ-ไม่น่าเชื่อที่ฉันจะมีเงินเก็บ-ฉันทำมันได้จริงๆ” เสียงแห่งความสำเร็จเหล่านี้มันจะดังจนกลบไอ้เจ้าเสียเล็กๆข้างหูคุณลงอย่างสิ้นเชิง
ความฝันและเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคง และก้าวไปจนถึงเส้นชัยของการมีอิสรภาพทางการเงินในบั้นปลายของชีวิตไม่ได้เป็นเพียง “นิทานก่อนนอน” ที่ช่วยให้นอนหลับฝันดีอีกต่อไป แต่มันสามารถจับต้องได้ และยิ่งนานวันมันก็จะยิ่งสร้างพลังชีวิตให้คุณวิ่งต่อไปได้อย่างเหลือเชื่อ
ที่สำคัญไปกว่านั้น มันจะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่คุณจะเริ่มรู้สึกถึงความแตกต่างของการเป็นคนไม่ธรรมดา ซึ่งกำลังจะมีชีวิตใหม่ที่สามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้ตามใจกำหนด