“ประเสริฐ” โยน “โต้ง” ชี้ขาดมาตรการชดเชยส่วนต่างค่าแรง

“ประเสริฐ” ยอมรับผู้ประกอบการต้องการมาตรการจ่ายชดเชยส่วนต่างค่าแรงลดผลกระทบ 300 บาท แต่อำนาจตัดสินใจอยู่ที่ “กิตติรัตน์” กระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมเล็งคลอดมาตรการอื่นๆ นอกเหนือจากที่รัฐช่วยมาเสริมทัพเร็วๆ นี้

นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้หารือกับผู้ประกอบการในภาคเหนือถึงผลกระทบการปรับขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน ซึ่งภาคเอกชนต้องการมาตรการช่วยเหลือด้วยการให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนหรือตั้งงบประมาณมาจ่ายชดเชยส่วนต่างค่าแรง 3 ปี ซึ่งประเด็นนี้คงอยู่ที่การตัดสินใจของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลังที่รับหน้าที่ดูแลโดยตรง แต่ในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่ได้รับผลกระทบค่าแรงแยกออกมาจากมาตรการของรัฐบาล เร็วๆ นี้คงจะสามารถสรุปได้

“มาตรการที่กระทรวงอุตสาหกรรมกำลังพิจารณา เช่น การยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียมโรงงานรายปีระยะเวลาหนึ่ง การให้เงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ หรือการตั้งคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อแนะนำการปรับแผนธุรกิจ อย่างไรก็ตาม จากการหารือกับเอกชนที่ผ่านมายังไม่ได้รับความเดือดร้อนจากการขึ้นค่าจ้าง 300 บาทต่อวัน และเมื่อถามรายละเอียดกลับไปว่ามีโรงงานประเภทใด กิจการลักษณะใดบ้างที่ได้รับผลกระทบรุนแรงก็ไม่สามารถมีใครให้คำตอบได้” นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐกล่าวภายหลัง นายเซ็ตซึโอะ อิอูจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) เข้าพบเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2556 ว่า เจโทรมารายงานสถานการณ์ผลสำรวจความพึงพอใจของนักลงทุนญี่ปุ่นในไทย เพื่อที่จะแถลงในวันที่ 29 ม.ค. 2556 นี้ จากรายงานเบื้องต้นพบว่านักลงทุนญี่ปุ่นยังมั่นใจที่จะลงทุนในไทย จากแผนการสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม และการที่รัฐบาลเตรียมออกกฏหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟทางคู่ ซึ่งจะเป็นการช่วยพัฒนาการค้าการลงทุนของไทยในอนาคต