“สตาร์360” ฟื้นชีพ รองเท้ากีฬาแบรนด์ดัง “เอสิคส์” จากแดนปลาดิบ อัดงบตลาด 20% ลุยหนักทั้งกิจกรรม สปอนเซอร์ เปิดสาขาเพิ่ม
นายจอห์นสัน โลว์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สตาร์ 360 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรองเท้ากีฬาแบรนด์เอสิคส์ (Asics) และโอนิตซูกะ ไทเกอร์ (Onitsuka Tiger) ของประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะเริ่มทำการตลาดเชิงรุกอย่างจริงจังสำหรับรองเท้ากีฬาแบรนด์เอสิคส์ (ASICS) จากญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทฯ เป็นบริษัทลูกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สิงคโปร์ที่เป็นบริษัทแม่ ได้รับสิทธิ์ทำการตลาดในเอเชียแปซิฟิก หรือโซลดิสทริบิวเตอร์ แต่ขณะนี้เริ่มใน 4 ประเทศก่อน คือ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย
สำหรับตลาดในเมืองไทยบริษัทฯ ได้เริ่มมาแล้วประมาณ 3 ปี จากเดิมที่มีผู้รับผิดชอบรายเก่าทำตลาดและเงียบหายไป ครั้งนี้จึงถือเป็นการกลับคืนสู่ตลาดไทยอีกครั้ง ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมแล้ว ทั้งด้านตัวสินค้า ด้านการตลาด ด้านการขยายช่องทางจำหน่าย โดยปีนี้จะใช้งบตลาด 10% ของยอดขายรวมหรือประมาณ 20 ล้านบาทเพื่อทำการตลาดทุกรูปแบบอย่างต่อเนื่องทั้งปี และเป็นงบที่ถือว่ามากที่สุดในรอบ 20 ปีที่รองเท้ากีฬาภายใต้ยี่ห้อเอสิคส์เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในอดีต
โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 30% จากปีที่แล้วที่ทำได้ 200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 ประมาณ 50% เพราะเริ่มทำตลาดที่เข้มข้นขึ้นและกลุ่มเป้าหมายกว้างขึ้นจากเดิมรู้จักเฉพาะกลุ่มผู้เล่นกีฬาเป็นหลัก และปีนี้เตรียมเปิดร้านแบบชอปอีก 2 สาขา เน้นกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ก่อน ขณะที่เวลานี้มีชอปแฟลกชิปสโตร์สาขาเดียวเพิ่งเปิดที่เซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ 70 ตารางเมตร ลงทุน 5 ล้านบาท อนาคตเตรียมเปิดชอปที่ศูนย์การค้าดิเอมบาสซี่ด้วย
“ปีที่แล้วรองเท้าเอสิคส์เติบโตมากถึง 50% เพราะการทำตลาดอย่างหนัก ทั้งการเข้าไปเป็นสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนการแข่งขันและสมาคมกีฬาต่างๆ เช่น สมาคมวอลเลย์บอล การวิ่งแข่งมาราธอน และการทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับภาพยนตร์จีทีเอชด้วยการเข้าเป็นผู้สนับสนุนภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปีดี 7 หน ผ่านทางดาราดังอย่างนิชคุณ เป็นผู้สวมใส่รองเท้า ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะรองเท้าวิ่ง ซึ่งเป็นสินค้าหลักของเอสิคส์มีสัดส่วนประมาณ 90% ของจำนวนสินค้าทั้งหมด ซึ่งปัจจุบันรองเท้ากีฬาเอสิคส์มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับ 4 ส่วนอันดับต้นคือ อาดิดาส ไนกี้ รีบ็อก ส่วนรองเท้าโอนิตซูกะ ไทเกอร์ มียอดขายประมาณ 300 ล้านบาท” นายจอห์นสันกล่าว