xs
xsm
sm
md
lg

ฟลายนาวทุ่ม 150 ล้านผุด 15 สาขา 3 แบรนด์ใหม่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฟลายนาวทุ่ม 150 ล้านบาทผุดสาขาเพิ่มสูงสุด 15 สาขาในปีนี้ พร้อมเปิดตัวแบรนด์ใต้ร่มอีก 3 แบรนด์ เจาะทั้งกลุ่มลูกค้ากระเป๋าเบาไปจนกระเป๋าหนัก หลังพบกระแสเสื้อผ้าแฟชั่นแบรนด์ไทยมาแรง เซเลบ ดาราต่างชาติเบียดคิวยอดซื้อสูงลิ่ว มั่นใจสิ้นปียังเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เช่นปีที่ผ่านมา

นายสมชัย ส่งวัฒนา ประธานบริหาร และผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ บริษัท แอท แบงค็อก จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น แบรนด์ฟลายนาว เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นการฉลองแบรนด์ฟลายนาวที่เข้าสู่ปีที่ 10 ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาทสำหรับการขยายสาขาทุกแบรนด์ในเครือราว 15 สาขา พื้นที่ไม่เกิน 50 ตารางเมตรต่อสาขา ถือเป็นการขยายสาขามากสุดตั้งแต่ดำเนินการมา จากปีที่ผ่านมาฟลายนาวมีจำนวนสาขาทั้งหมดราว 25-30 สาขา

โดยในส่วนของการเปิดตัวแบรนด์ในเครือนั้น ปีนี้จะได้เห็นอย่างน้อย 3 แบรนด์ คือ 1. ทรี (III) ที่ได้เปิดตัวพร้อมการเปิดสโตร์แห่งล่าสุดที่สยามเซ็นเตอร์เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จับกลุ่มลูกค้าระดับกลางที่เด็กลงมา ระดับราคาประมาณ 700-1,000 กว่าบาท 2. บีชลัย (BIChalai) เปิดตัวที่สาขาสยามเซ็นเตอร์เช่นกัน จับกลุ่มเซเลบิตีและคนในวงการบันเทิง ดีไซน์แบบเก๋ หรู เซ็กซี่ ระดับราคา 4,000-20,000 กว่าบาท พบว่าลูกค้าให้การตอบรับสูงมาก หรือมองว่าจะมีรายได้ราว 3 เท่าของสโตร์ปกติที่มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ มองว่าจะเปิดไม่เกิน 3 สาขาเท่านั้นในช่วง 2-3 ปีหลังจากนี้ และ 3. แมลง ที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน เม.ยนี้ จากปัจจุบันเริ่มทดลองขายไปบ้างแล้ว โดยเป็นการจำหน่ายควบคู่กับแบรนด์การ์เด้น ซึ่งแต่ละสาขาจะมีสินค้าแมลงวางจำหน่ายอยู่ 30-40% ของแบรนด์การ์เด้น

“ปัจจุบันพบว่าประเทศไทยให้การยอมรับเรื่องแฟชั่นสูงมาก เห็นได้จากอินเตอร์แบรนด์เข้ามาในไทยเกือบครบทุกแบรนด์แล้ว ในส่วนของเสื้อผ้าแฟชั่นเองนั้น พบว่าแบรนด์ไทยมีโอกาสเติบโตสูงและสามารถเป็นที่ยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศได้ดี เช่น แบรนด์ฟลายนาว ที่ดาราต่างชาติให้ความสนใจเข้ามาเลือกซื้อด้วยยอดบิลซื้อสูงมาก และยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง”

นายสมชัยกล่าวต่อว่า ถึงสิ้นปีนี้เชื่อว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เช่นปีที่ผ่านมา โดยรายได้หลักมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ 1. เครื่องหนัง 50% 2. แบรนด์เสื้อผ้า 50% ซึ่งปีนี้ทางบริษัทจะให้ความสำคัญต่อแบรนด์ระดับกลางที่ภาพลักษณ์อยู่ในระดับบนมากขึ้น เนื่องจากกำลังซื้อระดับกลางดีขึ้นจากนโยบายภาครัฐ ทำให้รายได้จากกลุ่มเสื้อผ้ามาจากแบรนด์ระดับกลางถึง 60% และไฮแบรนด์ 40%
กำลังโหลดความคิดเห็น