“แอลจี” เร่งเครื่องทวงแชมป์ตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์คืนในปีนี้ หวังแชร์ 24% อัดงบตลาดรวมแอร์ 300 ล้านบาท หวังรุกหนักหลังจากปีที่แล้วสะดุดร่วงไปอยู่อันดับที่สามเหลือแชร์แค่ 16% พร้อมทุ่มงบรวมปีนี้เฉียด 2,000 ล้านบาทลุย
นายอลงกรณ์ ชูจิตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าปีนี้น่าจะมีแนวโน้มในทางที่ดีไม่แพ้ปีที่แล้วที่ตลาดรวมเติบโต 6% เพราะไม่มีปัจจัยลบอะไรที่รุนแรงมากระทบตลาดรวม ซึ่งปีนี้แอลจีตั้งงบลงทุนด้านการผลิตไว้ที่ 700 ล้านบาท เป็นกลุ่มแอร์ 300 ล้านบาท กลุ่มเครื่องซักผ้า 250 ล้านบาท และอื่นๆ 150 ล้านบาท ส่วนงบการตลาดประมาณ 1,200 ล้านบาท หรือรวมเกือบ 1,900-2,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายยอดขายรวมปีนี้ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วทำได้ 22,000 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายรวมของแอลจีปีที่แล้วแบ่งเป็น หมวดเอวี 35% หมวดเอชเอ 35% หมวดแอร์ 15% และหมวดมือถือกับสินค้าไอที 15%
โดยเฉพาะกลุ่มตลาดเครื่องปรับอากาศหรือแอร์ที่คาดว่าจะเติบโตดี ปีที่แล้วของแอลจีเติบโต 2 หลัก เพราะไทยเป็นประเทศที่ร้อน และอัตราการครอบครองแอร์ของคนไทยยังต่ำเพียงแค่ 15% เท่านั้น ยังมีโอกาสอีกมาก อีกทั้งในบ้านเดียวจะมีความต้องการแอร์เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ยูนิต รวมไปถึงตลาดที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัดที่เติบโตเร็วจะมีความต้องการแอร์เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งปีนี้แอลจีลงทุน 300 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังผลิตแอร์เป็น 1.2 ล้านยูนิตต่อปี จากเดิม 1 ล้านยูนิตต่อปี
สำหรับแผนรุกตลาดแอร์ของแอลจีปีนี้จะใช้งบการตลาดประมาณ 300 ล้านบาทเพื่อทำตลาดทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอะโบฟเดอะไลน์ ทั้งในระบบแอร์ทั่วไปมาตรฐานกับแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์ ราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท ซึ่งปีนี้จะมีแอร์รุ่นใหม่ๆ ออกมามากกว่า 20 รุ่น แบ่งเป็นแอร์อินเวอร์เตอร์ 10 รุ่น จากปกติจะมีแอร์รุ่นใหม่ออกมาปีละ 8-10 รุ่นเท่านั้น
โดยปีนี้แอลจีตั้งเป้าหมายรายได้รวมจากสินค้าแอร์เติบโต 20% และแอร์ระบบอินเวอร์เตอร์เติบโต 50% หรือมีรายได้รวมกลุ่มแอร์ประมาณ 3,600 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ทำได้ 3,000 ล้านบาท ซึ่งปีนี้แอลจีตั้งเป้าหมายที่จะผลักดันยอดขายแอร์รวมให้เป็นผู้นำอันดับที่สองด้วยส่วนแบ่ง 18% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มี 16% เป็นอันดับสามของตลาดรวม
ขณะที่แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์นั้น ปีนี้แอลจีตั้งเป้าหมายทวงผู้นำตลาดกลับคืนมาให้ได้ด้วยแชร์อินเวอร์เตอร์ 24% ด้วยงบตลาด 30% จาก 300 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่แอร์อินเวอร์เตอร์ของแอลจีตกไปอยู่อันดับ 3 ด้วยแชร์เพียง 16% เนื่องจากปีที่แล้วมีสินค้าไม่ครบไลน์ รวมทั้งการปรับช่องทางจำหน่าย
ปีนี้แอลจีจะรุกตลาดแอร์อินเวอร์เตอร์มากขึ้นเนื่องจากมีความพร้อมแล้ว ทั้งไลน์สินค้า และการทำความเข้าใจกับผู้บริโภคชัดเจนขึ้นในกลุ่มอินเวอร์เตอร์สกินแคร์ซึ่งเป็นฟังก์ชันใหม่ โดยได้ “ชาคริต แย้มนาม และวุ้นเส้น-วิริฒิพา ภักดีประสงค์” เป็นพรีเซ็นเตอร์ และอินเวอร์เตอร์เป็นตลาดที่เติบโตดี โดยเมื่อปี 2554 แอร์อินเวอร์เตอร์มีสัดส่วนประมาณ 10% จากตลาดแอร์รวม เพิ่มมาเป็น 14% ในปีที่แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 18% ในปีนี้