xs
xsm
sm
md
lg

101 ปฏิบัติการพลิกชีวิต (ตอนที่ 3 บทเรียนในปัจจุบัน)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อคุณมีอายุล่วงเลยถึงวัยกลางคนอย่างผม (48 ปี) ทุกเช้าเมื่อคุณยืนอยู่หน้ากระจกเงา ถึงแม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่าคุณยัง ”ดูดี” แต่คำถามก็คือ “จริงหรือไม่” ที่คุณยังดูดี เพราะภาพที่ปรากฏก็คือ คุณเริ่มมีผมหงอกมากขึ้นทุกวัน “ตีนกา” เริ่มระรานตามหางตา และหน้าผาก ผิวหนังเริ่มเหี่ยวย่นไม่เปล่งปลั่งเหมือนในอดีต  ซ้ำร้ายไปกว่านั้น พุงของคุณเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ ตามน้ำหนักตัว (ไม่ว่าจะพยายามแขม่วอย่างไรก็ตาม)
“คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เราต้องกินน้อยลง เลิกดื่มเบียร์ ออกกำลังกายมากขึ้น”  กี่วินาทีที่คุณอาจจะนึกอยู่ในใจแบบนี้  แต่เกือบจะทันทีทันใด ก็จะมีเจ้าเสียงเล็กๆ มากระซิบที่ข้างหูคุณว่า “ไม่จริงหรอก คุณยังดูดีอยู่เลย” และคุณก็พร้อมที่จะสลัดความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับไปทำเหมือนเดิม
จริงหรือไม่ ทั้งหมดก็เป็นเพราะมันง่ายกว่าที่จะโกหกตัวเอง โดยปฏิเสธความจริงว่า  คุณเริ่มแก่ และกลายเป็น ลุงพง (ลงพุง) ยิ่งไปกว่านั้น ยอมรับหรือไม่ว่า คุณยังไม่พร้อมที่จะสละความต้องการ (Want) เพราะยังอยากจะกิน ดื่ม ตามใจปาก และกลัวที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ตรงกันข้าม หากคุณไปนั่งอยู่ตรงหน้าหมอ หลังจากไปเข้าคอร์สตรวจเช็คสุขภาพประจำปี และหมอบอกกับคุณว่า เริ่มมีสัญญาณบางอย่างที่ผิดปกติ และเริ่มเป็นอันตรายสำหรับสุขภาพคุณ ที่จำเป็นต้องรีบแก้ไข เมื่อนั้นแหละคุณจึงจะเริ่ม“คอตก” ตระหนัก และยอมรับความจริง และพร้อมที่จะเป็น “เด็กดี” ทำตามที่หมอสั่งโดยดุษฎี
เมื่อถึงตอนนั้น ไอ้เจ้าเสียงเล็กๆจะหลบหายไป และคุณก็จะตกอยู่ในสภาพ ยอมถูกบังคับโดยสมัครใจ เริ่มตั้งหน้าตั้งตา ออกกำลังกาย คุมอาหาร เข้าโปรแกรม ลดน้ำหนัก และหวังว่าสุขภาพของคุณจะดีขึ้น
ไม่ต่างอะไรกับชีวิตสมรสของสามี- ภรรยา จำนวนมากที่หลายๆคู่เลือกที่จะ โกหกตัวเอง ประคับประคองกันไป โดยหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับความจริง ไม่พยายามรับรู้ปัญหาและหาทางเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน ทำให้สุดท้ายมักจะจบลงด้วย การ”ทนอยู่” ร่วมกัน เพื่อให้ “ดูดี” แต่บางคู่เมื่อเดินไปถึงจุดหนึ่ง ก็อาจจะ “จบ” ด้วยการหย่าร้าง
ทำอย่างไรที่จะ “ปลุก” ให้คุณตื่นขึ้น เลิกโกหกตัวเองว่ายัง “ดูดี” และพร้อมที่จะเผชิญกับความจริง ยอมรับกับตัวเองว่า“ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างแล้ว เราจะอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว”
ไอ้เจ้าเสียงเล็กมันกำลังกลับมากระซิบที่ข้างหูคุณอีกแล้วใช่ไหมครับว่า “ทำไมฉันต้องเปลี่ยนแปลง” ใคร่ครวญให้ดี ทบทวนตัวเองใหม่อีกครั้ง ก่อนจะยอมรับคำท้าของผม เพราะข้อเสนอต่อไปนี้เป็นเรื่องง่ายๆ แต่มันอาจจะเป็นการท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ในการเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงชีวิตเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆของคุณ
ถ้าคุณตอบรับคำท้าของผม ผมมั่นใจว่า คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงชีวิตเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆของคุณ เพราะในกระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ คุณพร้อมที่จะ “ซื่อสัตย์กับตัวเอง” และยอมรับความจริงว่า คุณกำลังมีปัญหา
ในระหว่างที่ผมไปนั่งอบรมใน “คอร์ส” เกี่ยวกับการค้นหาตัวเอง เมื่อหลายปีก่อน วิทยากรที่นำการอบรมเธอพูดถึงเรื่องมิติเกี่ยวกับการ “รู้” และ “ไม่รู้” ของคนเราไว้อย่างแยบคาย เธอบอกว่า
มีปัญหาบางเรื่องเกี่ยวกับตัวเราที่เรา “รู้”และคนอื่นก็ “รู้”
มีปัญหาบางเรื่องเกี่ยวกับตัวเราที่เรา “รู้” แต่คนอื่น “ไม่รู้”
มีปัญหาบางเรื่องเกี่ยวกับตัวเราที่เรา “ไม่รู้” แต่คนอื่น “รู้”
แต่ก็มีปัญหาบางเรื่องเกี่ยวกับตัวเราที่เราเอง “ไม่รู้” คนอื่นก็ “ไม่รู้”
ปัญหาในมิติแรกนั้นแก้ง่าย เพราะทั้งเราและทั้งคนอื่นเห็นปัญหาและสามารถที่แก้ร่วมกัน ส่วนในมิติที่สองนี้จะแก้ง่ายหรือยากก็ขึ้นอยู่กับตัวเราว่า “ซื่อสัตย์กับตนเอง” และพร้อมที่จะแก้ไขตัวเองหรือไม่สำหรับในมิติที่สาม ก็ไม่น่าจะแก้ยาก หากเราเปิดใจกว้างรับฟังคนอื่นที่เขาจะวิพากษ์วิจารณ์ หรือแนะนำเราในการแก้ไขปัญหา แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ มิติสุดท้ายที่ทั้งเราและคนอื่นต่าง “ไม่รู้” ว่าเรากำลังมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องเงินๆทองๆ เพราะมันอาจนำพาคุณให้ถลำลงไปสู่หุบเหวแห่งหนี้สินได้ง่ายๆ เพราะความ “ไม่รู้”
เพราะเหตุนี้ ก่อนที่คุณจะก้าวเดินต่อไปเพื่อปฏิบัติการ “พลิกชีวิต” ผมอยากให้คุณ “ตรวจสอบ” เสียก่อนว่า “สถานะทางการเงิน” ปัจจุบันของคุณกำลังอยู่ในมิติไหน ขณะเดียวกัน คุณรู้สึกอย่างไรกับสถานะทางการเงินของคุณในปัจจุบัน เพื่อให้ได้คำตอบว่า คุณอยู่ในสถานะที่ต้องการ “การเปลี่ยนแปลง” เพื่อให้สถานะทางการเงินของคุณดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
กำลังโหลดความคิดเห็น