“พาณิชย์” ดันเปิดจุดผ่อนปรนกิ่วผาวอก จ.เชียงใหม่ เปิดเส้นทางสินค้า สบู่ แฟ้บ อาหาร วัสดุก่อสร้าง สู่ตองจี ประเทศพม่าเพิ่ม ช่วยขยายการค้าชายแดนทะลุ 1 ล้านล้านบาท
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปที่จุดผ่อนปรนชายแดนไทย-พม่า กิ่วผาวอก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อศึกษาลู่ทางและเตรียมผลักดันให้กลับมาเปิดจุดผ่อนปรนอีกครั้ง เนื่องจากจุดผ่อนปรนนี้ถือเป็นเส้นทางสำคัญในการขยายการค้าไปสู่เมืองตองจี เมืองหลวงของรัฐฉาน ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของพม่าที่กำลังเติบโต และต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมาก ทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค สบู่ ผงซักฟอก อาหารกระป๋อง เสื้อผ้า
“ทางการพม่าได้ปิดจุดผ่อนปรนไปตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เนื่องจากมีปัญหาชนกลุ่มน้อย แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังผลักดันให้พม่าเปิดจุดผ่อนปรนอีกครั้งเพื่อเป็นการขยายการค้าชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ และผลักดันให้การค้าชายแดนของไทยทะลุ 1 ล้านล้านบาท เพราะกิ่วผาวอกช่วยย่นระยะเวลาเดินทางได้ใกล้กว่าผ่านด่านท่าขี้เหล็ก อีกทั้งตอนนี้พม่าก็กำลังเปิดประเทศและต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยมาก รวมถึงเป็นการรองรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 อีกด้วย”
ทั้งนี้ เมื่อปี 45 ก่อนที่พม่าจะปิดจุดผ่อนปรน บริเวณกิ่วผาวอกมีมูลค่าการค้าเข้าออกไทย-พม่าถึงปีละ 100-200 ล้านบาท โดยมีคู่ค้าสำคัญเป็นเมืองตองยี มีประชากรอยู่ 1-2 ล้านคน และมีสินค้าไทยเข้าครองตลาดมากถึง 80% แต่ระยะหลังเมื่อปิดจุดผ่อนปรน สินค้าจากจีนเข้ามาแย่งตลาดไปแทนเนื่องจากไทยขนส่งสินค้าไปได้ลำบาก และนอกจากเมืองตองยีไทยยังทำการค้ากับเมืองสาด และเมืองต๋วนที่ต้องการนำเข้าสินค้าไทยจำนวนมากเช่นกัน
นางปราณีกล่าวว่า หากมีการกลับมาเปิดกิ่วผาวอก ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการนำเข้าวัตถุดิบธรรมชาติ โดยมีต้นยางปลูกไว้ตามแนวชายแดนจำนวนมากสามารถกรีดยางได้ในปี 56 ขณะเดียวกัน บริเวณรัฐฉานยังมีทรัพยากรแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ เช่น แร่สังกะสี พลวง ดีบุก ซีไรต์ วุลแฟรม ลิกไนต์ และไม้สักจำนวนมาก อีกทั้งไทยยังสามารถใช้เมืองตองยีเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าไปเมืองมัณฑะเลย์ รวมถึงประเทศบังกลาเทศได้อีก
สำหรับการค้าขายกันระหว่างไทยกับเมืองตองยีในปัจจุบัน ต้องผ่านจากท่าขี้เหล็กมีระยะทาง 567 กม. และใช้เวลาเดินทาง 3-4 วันเพราะเป็นทางเขาสูง คดเคี้ยว แต่หากเปิดกิ่วผาวอกไปเมืองตองยีจะลดระยะทางเหลือเพียง 414 กม. และใช้เวลาเดินทางเพียง 1-2 วันเท่านั้น ขณะที่กิ่วผาวอกไปเมืองสาด มีระยะทางแค่ 140 กม. หรือเดินทางประมาณครึ่งวัน เนื่องจากเป็นทางเรียบและภูเขาไม่สูง
นางปราณี ศิริพันธ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เดินทางไปที่จุดผ่อนปรนชายแดนไทย-พม่า กิ่วผาวอก อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เพื่อศึกษาลู่ทางและเตรียมผลักดันให้กลับมาเปิดจุดผ่อนปรนอีกครั้ง เนื่องจากจุดผ่อนปรนนี้ถือเป็นเส้นทางสำคัญในการขยายการค้าไปสู่เมืองตองจี เมืองหลวงของรัฐฉาน ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของพม่าที่กำลังเติบโต และต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยจำนวนมาก ทั้งกลุ่มวัสดุก่อสร้าง สินค้าอุปโภคบริโภค สบู่ ผงซักฟอก อาหารกระป๋อง เสื้อผ้า
“ทางการพม่าได้ปิดจุดผ่อนปรนไปตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เนื่องจากมีปัญหาชนกลุ่มน้อย แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยกำลังผลักดันให้พม่าเปิดจุดผ่อนปรนอีกครั้งเพื่อเป็นการขยายการค้าชายแดนของทั้ง 2 ประเทศ และผลักดันให้การค้าชายแดนของไทยทะลุ 1 ล้านล้านบาท เพราะกิ่วผาวอกช่วยย่นระยะเวลาเดินทางได้ใกล้กว่าผ่านด่านท่าขี้เหล็ก อีกทั้งตอนนี้พม่าก็กำลังเปิดประเทศและต้องการนำเข้าสินค้าจากไทยมาก รวมถึงเป็นการรองรับเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 อีกด้วย”
ทั้งนี้ เมื่อปี 45 ก่อนที่พม่าจะปิดจุดผ่อนปรน บริเวณกิ่วผาวอกมีมูลค่าการค้าเข้าออกไทย-พม่าถึงปีละ 100-200 ล้านบาท โดยมีคู่ค้าสำคัญเป็นเมืองตองยี มีประชากรอยู่ 1-2 ล้านคน และมีสินค้าไทยเข้าครองตลาดมากถึง 80% แต่ระยะหลังเมื่อปิดจุดผ่อนปรน สินค้าจากจีนเข้ามาแย่งตลาดไปแทนเนื่องจากไทยขนส่งสินค้าไปได้ลำบาก และนอกจากเมืองตองยีไทยยังทำการค้ากับเมืองสาด และเมืองต๋วนที่ต้องการนำเข้าสินค้าไทยจำนวนมากเช่นกัน
นางปราณีกล่าวว่า หากมีการกลับมาเปิดกิ่วผาวอก ไทยสามารถใช้ประโยชน์จากการนำเข้าวัตถุดิบธรรมชาติ โดยมีต้นยางปลูกไว้ตามแนวชายแดนจำนวนมากสามารถกรีดยางได้ในปี 56 ขณะเดียวกัน บริเวณรัฐฉานยังมีทรัพยากรแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ เช่น แร่สังกะสี พลวง ดีบุก ซีไรต์ วุลแฟรม ลิกไนต์ และไม้สักจำนวนมาก อีกทั้งไทยยังสามารถใช้เมืองตองยีเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าไปเมืองมัณฑะเลย์ รวมถึงประเทศบังกลาเทศได้อีก
สำหรับการค้าขายกันระหว่างไทยกับเมืองตองยีในปัจจุบัน ต้องผ่านจากท่าขี้เหล็กมีระยะทาง 567 กม. และใช้เวลาเดินทาง 3-4 วันเพราะเป็นทางเขาสูง คดเคี้ยว แต่หากเปิดกิ่วผาวอกไปเมืองตองยีจะลดระยะทางเหลือเพียง 414 กม. และใช้เวลาเดินทางเพียง 1-2 วันเท่านั้น ขณะที่กิ่วผาวอกไปเมืองสาด มีระยะทางแค่ 140 กม. หรือเดินทางประมาณครึ่งวัน เนื่องจากเป็นทางเรียบและภูเขาไม่สูง
