ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมทางหลวงเตรียมชี้แจงกรมบัญชีกลาง หลังสั่งให้ส่งรายได้ค่าผ่านทางสะพานมิตรภาพ1- 4 เข้าคลัง 50% หวั่นเบิกใช้ล่าช้า กระทบแผนซ่อมบำรุงระยะยาว ยันตั้งกองทุนรายได้บริหารเองเหมาะสม คล่องตัว การพัฒนาสะพานต้องเร็วเพื่อรับเปิด AEC
นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1–4 ของกรมทางหลวงนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มาใช้ในการบริหารจัดการ พัฒนาระบบด่านจัดเก็บค่าธรรมเนียม และซ่อมบำรุงสะพาน โดยรายได้ของแต่ละสะพานจะแยกตั้งเป็นกองทุนบริหารจัดการสะพานแต่ละแห่ง
ซึ่งมีข้อดีเพราะช่วยรัฐประหยัดงบประมาณประจำปีลงได้มาก โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาการเบิกจ่าย แต่ล่าสุดทางกรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือถึงทล.ให้ใช้ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง 50% ส่วนรายได้ที่เหลือให้ส่งเข้าคลัง ซึ่งจะกระทบต่อแผนซ่อมบำรุงสะพาน ดังนั้นเร็วๆนี้ ทล.จะทำหนังสือขออุทธรณ์ไปยังกรมบัญชีกลางพร้อมกับชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงสะพานในแต่ละปีและแผนระยะยาว
ทั้งนี้ การซ่อมบำรุงสะพานนั้น จะมีระยะเวลาและรายละเอียดการซ่อมที่ต่างกันไปในแต่ละปี ตามอายุการใช้งานและสภาพของความเสียหาย โดยขณะนี้ถือว่าสะพานแต่ละแห่งเพิ่งเริ่มเปิดใช้ได้ไม่นานการชำรุดยังไม่มาก ค่าซ่อมบำรุงปีแรกๆ จึงยังไม่สูงมาก ซึ่งทล.มีแผนซ่อมบำรุง 3 ปี 5 ปี 10 ปี ซึ่งค่าซ่อมจะเพิ่มมากขึ้น โดยยิ่งสะพานใช้งานนานเท่าไรค่าซ่อมบำรุงก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปด้วย แต่ได้ประเมินเบื้องต้นแล้วว่ารายได้ของแต่ละสะพานจะเพียงพอสำหรับการซ่อมบำรุงสะพานนั้นๆ แต่หากส่งเข้าคลังไป 50 % อาจจะไม่เพียงพอ
“ทางกรมบัญชีกลางอาจจะเห็นว่าตอนนี้ รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายมีเงินเหลือ ซึ่งเพราะสะพานยังใหม่ปีแรกๆ ค่าซ่อมจึงไม่มากเป็นค่าซ่อมบำรุงปกติทั่วไป ซึ่งข้อดีของกองทุนที่ให้ทล.บริหารจัดการดูแลเอง คือไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมาซ่อมบำรุง และสามารถวางแผนการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาและซ่อมสะพานมีตลอดเวลา
หากส่งเงินเข้าคลังไปต้องยอมรับว่าการเบิกจ่ายจะมีกระบวนการที่ยุ่งยาก จะกระทบต่อแผนการซ่อมสะพานแน่นอน ซึ่งสะพานทั้งหมดเป็นสะพานที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะต้องมีความพร้อมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ดังนั้นการดูแลซ่อมบำรุงจึงเป็นเรื่องสำคัญ”นายชัชวาลย์กล่าว
สำหรับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น มี 4 แห่งประกอบด้วย สะพานมิตรภาพ แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) เปิด 4 เม.ย. 2537 จัดเก็บค่าธรรมเนียมปี 2550 มีรายได้ 23 ล้านบาท รายจ่าย 8 ล้านบาท ปี 51 มีรายได้ 27 ล้านบาท รายจ่าย 13 ล้านบาท ปี 52 รายได้ 33 ล้านบาท รายจ่าย13 ล้านบาท ปี 53 รายได้ 39 ล้านบาท รายจ่าย 9 ล้านบาท ปี 54 รายได้ 41 ล้านบาท รายจ่าย 9 ล้านบาท ปี 55 รายได้ 47 ล้านบาท
สะพานแห่งที่ 2(มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เปิดสะพานวันที่ 20 ธันวาคม 2549 จัดเก็บค่าธรรมเนียมปี 50 มีรายได้ 7 ล้านบาท รายจ่าย 2 ล้านบาท ปี 51 มีรายได้ 14 ล้านบาท รายจ่าย 2 ล้านบาท ปี 52 รายได้ 20 ล้านบาท รายจ่าย7 ล้านบาท ปี 53 รายได้ 22 ล้านบาท รายจ่าย 9 ล้านบาท ปี 54 รายได้ 25 ล้านบาท รายจ่าย 12 ล้านบาท ปี 55 รายได้ 31 ล้านบาท
สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เปิดใช้ 1 1พ.ย. 2554 โดยปี 2555 มีรายได้ 10 ล้านบาท สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) คาดเปิดใช้ในเดือนมิ.ย. 2556
นายชัชวาลย์ บุญเจริญกิจ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การจัดเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1–4 ของกรมทางหลวงนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มาใช้ในการบริหารจัดการ พัฒนาระบบด่านจัดเก็บค่าธรรมเนียม และซ่อมบำรุงสะพาน โดยรายได้ของแต่ละสะพานจะแยกตั้งเป็นกองทุนบริหารจัดการสะพานแต่ละแห่ง
ซึ่งมีข้อดีเพราะช่วยรัฐประหยัดงบประมาณประจำปีลงได้มาก โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาการเบิกจ่าย แต่ล่าสุดทางกรมบัญชีกลาง ได้มีหนังสือถึงทล.ให้ใช้ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุง 50% ส่วนรายได้ที่เหลือให้ส่งเข้าคลัง ซึ่งจะกระทบต่อแผนซ่อมบำรุงสะพาน ดังนั้นเร็วๆนี้ ทล.จะทำหนังสือขออุทธรณ์ไปยังกรมบัญชีกลางพร้อมกับชี้แจงรายละเอียดค่าใช้จ่ายการซ่อมบำรุงสะพานในแต่ละปีและแผนระยะยาว
ทั้งนี้ การซ่อมบำรุงสะพานนั้น จะมีระยะเวลาและรายละเอียดการซ่อมที่ต่างกันไปในแต่ละปี ตามอายุการใช้งานและสภาพของความเสียหาย โดยขณะนี้ถือว่าสะพานแต่ละแห่งเพิ่งเริ่มเปิดใช้ได้ไม่นานการชำรุดยังไม่มาก ค่าซ่อมบำรุงปีแรกๆ จึงยังไม่สูงมาก ซึ่งทล.มีแผนซ่อมบำรุง 3 ปี 5 ปี 10 ปี ซึ่งค่าซ่อมจะเพิ่มมากขึ้น โดยยิ่งสะพานใช้งานนานเท่าไรค่าซ่อมบำรุงก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปด้วย แต่ได้ประเมินเบื้องต้นแล้วว่ารายได้ของแต่ละสะพานจะเพียงพอสำหรับการซ่อมบำรุงสะพานนั้นๆ แต่หากส่งเข้าคลังไป 50 % อาจจะไม่เพียงพอ
“ทางกรมบัญชีกลางอาจจะเห็นว่าตอนนี้ รายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายมีเงินเหลือ ซึ่งเพราะสะพานยังใหม่ปีแรกๆ ค่าซ่อมจึงไม่มากเป็นค่าซ่อมบำรุงปกติทั่วไป ซึ่งข้อดีของกองทุนที่ให้ทล.บริหารจัดการดูแลเอง คือไม่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินมาซ่อมบำรุง และสามารถวางแผนการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง เพราะการพัฒนาและซ่อมสะพานมีตลอดเวลา
หากส่งเงินเข้าคลังไปต้องยอมรับว่าการเบิกจ่ายจะมีกระบวนการที่ยุ่งยาก จะกระทบต่อแผนการซ่อมสะพานแน่นอน ซึ่งสะพานทั้งหมดเป็นสะพานที่เชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะต้องมีความพร้อมและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน (AEC) ดังนั้นการดูแลซ่อมบำรุงจึงเป็นเรื่องสำคัญ”นายชัชวาลย์กล่าว
สำหรับสะพานมิตรภาพไทย-ลาว นั้น มี 4 แห่งประกอบด้วย สะพานมิตรภาพ แห่งที่ 1 (หนองคาย-เวียงจันทน์) เปิด 4 เม.ย. 2537 จัดเก็บค่าธรรมเนียมปี 2550 มีรายได้ 23 ล้านบาท รายจ่าย 8 ล้านบาท ปี 51 มีรายได้ 27 ล้านบาท รายจ่าย 13 ล้านบาท ปี 52 รายได้ 33 ล้านบาท รายจ่าย13 ล้านบาท ปี 53 รายได้ 39 ล้านบาท รายจ่าย 9 ล้านบาท ปี 54 รายได้ 41 ล้านบาท รายจ่าย 9 ล้านบาท ปี 55 รายได้ 47 ล้านบาท
สะพานแห่งที่ 2(มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) เปิดสะพานวันที่ 20 ธันวาคม 2549 จัดเก็บค่าธรรมเนียมปี 50 มีรายได้ 7 ล้านบาท รายจ่าย 2 ล้านบาท ปี 51 มีรายได้ 14 ล้านบาท รายจ่าย 2 ล้านบาท ปี 52 รายได้ 20 ล้านบาท รายจ่าย7 ล้านบาท ปี 53 รายได้ 22 ล้านบาท รายจ่าย 9 ล้านบาท ปี 54 รายได้ 25 ล้านบาท รายจ่าย 12 ล้านบาท ปี 55 รายได้ 31 ล้านบาท
สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เปิดใช้ 1 1พ.ย. 2554 โดยปี 2555 มีรายได้ 10 ล้านบาท สะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 (เชียงของ-ห้วยทราย) คาดเปิดใช้ในเดือนมิ.ย. 2556
