ASTVผู้จัดการรายวัน - “บางจาก” ชี้ 5 ปีข้างหน้าไทยใช้น้ำมันใกล้เคียงกำลังการกลั่นในประเทศ จำเป็นต้องมีโรงกลั่นใหม่รองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4-5% มิฉะนั้นต้องนำเข้าน้ำมันมาใช้แทน ส่วนแผนตั้งโรงกลั่นบางจากแห่งที่ 2 ขนาด1.5 แสนบาร์เรล/วัน เชื่อว่าแข่งขันกับโรงกลั่นขนาดใหญ่ได้ เพราะเน้นตลาดในไทย
นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (BCP) เปิดเผยว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้าความต้องการใช้น้ำมันในไทยจะใกล้เคียงกับกำลังการผลิตในประเทศขนาด 1 ล้านบาร์เรล/วัน หากความต้องการใช้น้ำมันเติบโตปีละ 4-5% บางจากฯ มีความคิดที่จะสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 2 ขนาดกำลังการกลั่นไม่น้อยกว่า 1.5 แสนบาร์เรล/วัน โดยจะลงทุนต่อยอดไปสู่โรงอะโรเมติกส์เพื่อให้ครบวงจร คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท หากไม่มีการสร้างโรงกลั่นน้ำมันใหม่ภายในประเทศแล้ว อนาคตไทยก็คงต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศมาใช้แทน
สำหรับขนาดโรงกลั่นน้ำมันที่ 1.5 แสนบาร์เรล/วันอาจจะเล็กเกินไปเมื่อเทียบกับโรงกลั่นน้ำมันใหม่ในต่างประเทศ รวมทั้งแผนเสนอสร้างโรงกลั่นน้ำมันขนาด 6.6 แสนบาร์เรล/วันของ ปตท.ที่เสนอต่อเวียดนาม แต่เนื่องจากโรงกลั่นแห่งที่ 2 นี้มีจุดประสงค์เพื่อป้อนตลาดในประเทศ จึงมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันกับโรงกลั่นอื่นๆ ได้ หากจะตั้งโรงกลั่นขนาดใหญ่เพื่อเน้นส่งออกเชื่อว่าจะไม่คุ้มค่าการลงทุนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม แผนการตั้งโรงกลั่นน้ำมันแห่งที่ 2 ของบางจากฯ คงต้องมอบหมายให้กรรมการผู้จัดใหญ่บางจากฯ คนใหม่เป็นผู้สานต่องาน เนื่องจากพื้นที่โรงกลั่นในปัจจุบันไม่สามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก หากจะสร้างโรงกลั่นน้ำมันใหม่คงต้องหาทำเลที่ตั้งติดกับทะเล และต้องศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมทั้งทำรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม (EHIA) ต้องใช้เวลานาน 8-10 ปี หากจะสร้างโรงกลั่นใหม่ก็คงต้องมีการเริ่มต้นศึกษาได้แล้ว
นายอนุสรณ์กล่าวต่อไปว่า ในอีก 3 ปีข้างหน้าปั๊มน้ำมันบางจากจะมียอดขายน้ำมันใกล้เคียงกำลังการกลั่นของโรงกลั่นบางจากฯ ที่ 1.1-1.4 แสนบาร์เรล/วัน ทำให้บริษัทฯ ต้องมีการศึกษาวางแผนเพื่อการเติบโตในอนาคต ซึ่งการจะไปตั้งโรงกลั่นใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านนั้นบริษัทฯ เห็นว่าจะทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส และเห็นว่าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่สามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยในปัจจุบัน ดังนั้นคงไทยจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองว่าจะให้ประเทศชาติอยู่แค่นี้ หรือจะขยายตัวต่อไปในอนาคต
หากไม่สามารถสร้างโรงกลั่นน้ำมันใหม่ได้ บางจากฯ ก็มองแนวทางการซื้อกิจการหรือร่วมทุนเช่นกัน แต่หากจะให้มีการลงทุนตั้งโรงกลั่นน้ำมันในต่างประเทศนั้นคงไม่ทำ เนื่องจากบางจากฯ ต้องการเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติบริษัทที่ 2 รองจาก ปตท.ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศ โดยบางจากฯ ต้องการเน้นการทำธุรกิจในไทย แม้ว่าจะมีการขยายธุรกิจค้าปลีกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้านบ้างก็ตาม
“เชื่อว่าอีก 5-6 ปีข้างหน้าความต้องการใช้น้ำมันจะใกล้เคียงกำลังการกลั่นในประเทศ ดังนั้นหากเราไม่ทำอะไรเลยไทยต้องซื้อน้ำมันสำเร็จจากต่างประเทศเข้ามาใช้หากไม่มีพลังงานรูปแบบใหม่เข้ามาทดแทน โดยน้ำมันถือเป็นความมั่นคงของประเทศ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีแผนตั้งโรงกลั่นหรือขยายกำลังการกลั่น แต่ไทยกลับไม่มีแผนในเรื่องนี้ นี่คือสิ่งที่น่าเป็นห่วง หากไทยตั้งโรงกลั่นเพื่อป้อนตลาดในประเทศ ที่เหลือส่วนหนึ่งส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านก็เชื่อว่าส่งออกน้ำมันแข่งขันได้ เพราะจะมีการวางท่อส่งน้ำมันไปยังอีสานและภาคเหนือ ทำให้การส่งออกน้ำมันทำได้ง่ายขึ้น”
ขณะเดียวกัน จีนและญี่ปุ่นก็มีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนธุรกิจพลังงานในภูมิภาคนี้ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของไทยในการหาพาร์ตเนอร์เข้ามาร่วมลงทุน
***********************