“การบินไทย” เน้นจับมือพันธมิตรเจาะตลาดผู้โดยสารท่องเที่ยว ดันรายได้ปี 56 โตตามเป้า 1.82 แสนล้านบาท พร้อมเปิดจุดบินทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง เสริมเส้นทางหลักอเมริกา ยุโรป ดันไทยเป็นฮับการบิน รับเปิด AEC
นายดนุช บุนนาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยจะร่วมมือกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเจาะกลุ่มผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เพื่อผลักดันรายได้จากผู้โดยสารในปี 2556 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.82 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11-12% จากรายได้ปี 2555 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.6แสนล้านบาท พร้อมกันนี้จะพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชีย เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน (AEC) ในปี 2558
โดยจะมีการเพิ่มจุดบิน ขยายเส้นทางทั้งในเอเชียและตะวันออกกลาง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาในหลายเส้นทาง โดยเส้นทางเปิดใหม่ส่วนใหญ่จะให้การบินไทยสมายล์เป็นผู้ให้บริการ เบื้องต้นพิจารณาเปิดเส้นทางใหม่ในเอเชียประมาณ 4-5 เส้นทางส่วนในอเมริกา และยุโรป จะเสริมเส้นทางหลักให้มีความแข็งแกร่งเพื่อดึงนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ
ทั้งนี้ การสร้างโครงข่ายการบินให้มีความเชื่อมโยงกับประเทศหลักๆ เช่น จีน อินเดีย และทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย รวมถึงญี่ปุ่นเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (ฮับ) อย่างแท้จริง เช่น เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มเปิดบินล่าสุด มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
นายดนุชกล่าวว่า การแข่งขันของธุรกิจสายการบินมีสูง เนื่องจากมีการเติบโตของสายการบินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจะต้องแยกตลาดให้ชัดเจน คือ ตลาดเก่า ตลาดใหม่ และตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) เพื่อให้ฐานลูกค้ามีความชัดเจน และสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายในแต่ละตลาดได้ ซึ่งการบินไทยมีข้อดีในเรื่องเอกลักษณ์ความเป็นไทย ที่สายการบินอื่นไม่มี จึงสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้าใช้บริการได้
“ผู้โดยสารของการบินไทยส่วนใหญ่มาจากเอเชีย โดยเฉพาะผู้โดยสารระดับพรีเมี่ยม พวกนักธุรกิจและนักลงทุน ส่วนผู้โดยสารจากยุโรปถือว่าลดลง ประมาณ 10% เนื่องจากยุโรปยังมีปัญหาเศรษฐกิจ ยกเว้นผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวแถบยุโรปยังเดินทางเข้ามาในเอเชียตามปกติ” นายดนุชกล่าว
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดพรีเมียมถือว่าไม่น่ากลัว เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นกลุ่มที่จะไม่ใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ โดยกลุ่มผู้โดยสารที่จะตัดสินใจย้ายไปใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำบ้างจะเป็นกลุ่มครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งจะต้องหาวิธีดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ให้ใช้บริการสายการบินไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป
นายดนุช บุนนาค รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การบินไทยจะร่วมมือกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวเจาะกลุ่มผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก เพื่อผลักดันรายได้จากผู้โดยสารในปี 2556 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.82 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11-12% จากรายได้ปี 2555 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.6แสนล้านบาท พร้อมกันนี้จะพยายามผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินของเอเชีย เพื่อรองรับการเปิดเสรีอาเซียน (AEC) ในปี 2558
โดยจะมีการเพิ่มจุดบิน ขยายเส้นทางทั้งในเอเชียและตะวันออกกลาง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาในหลายเส้นทาง โดยเส้นทางเปิดใหม่ส่วนใหญ่จะให้การบินไทยสมายล์เป็นผู้ให้บริการ เบื้องต้นพิจารณาเปิดเส้นทางใหม่ในเอเชียประมาณ 4-5 เส้นทางส่วนในอเมริกา และยุโรป จะเสริมเส้นทางหลักให้มีความแข็งแกร่งเพื่อดึงนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ
ทั้งนี้ การสร้างโครงข่ายการบินให้มีความเชื่อมโยงกับประเทศหลักๆ เช่น จีน อินเดีย และทางตอนใต้ของอินโดนีเซีย รวมถึงญี่ปุ่นเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (ฮับ) อย่างแท้จริง เช่น เมืองซัปโปโร ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเพิ่มเปิดบินล่าสุด มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก
นายดนุชกล่าวว่า การแข่งขันของธุรกิจสายการบินมีสูง เนื่องจากมีการเติบโตของสายการบินเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจะต้องแยกตลาดให้ชัดเจน คือ ตลาดเก่า ตลาดใหม่ และตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) เพื่อให้ฐานลูกค้ามีความชัดเจน และสามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายในแต่ละตลาดได้ ซึ่งการบินไทยมีข้อดีในเรื่องเอกลักษณ์ความเป็นไทย ที่สายการบินอื่นไม่มี จึงสามารถดึงดูดลูกค้าให้เข้าใช้บริการได้
“ผู้โดยสารของการบินไทยส่วนใหญ่มาจากเอเชีย โดยเฉพาะผู้โดยสารระดับพรีเมี่ยม พวกนักธุรกิจและนักลงทุน ส่วนผู้โดยสารจากยุโรปถือว่าลดลง ประมาณ 10% เนื่องจากยุโรปยังมีปัญหาเศรษฐกิจ ยกเว้นผู้โดยสารที่เป็นนักท่องเที่ยวแถบยุโรปยังเดินทางเข้ามาในเอเชียตามปกติ” นายดนุชกล่าว
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดพรีเมียมถือว่าไม่น่ากลัว เพราะมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและเป็นกลุ่มที่จะไม่ใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ โดยกลุ่มผู้โดยสารที่จะตัดสินใจย้ายไปใช้บริการสายการบินต้นทุนต่ำบ้างจะเป็นกลุ่มครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งจะต้องหาวิธีดึงดูดลูกค้ากลุ่มนี้ให้ใช้บริการสายการบินไทยอย่างต่อเนื่องต่อไป