ทรัพย์อนันต์กร้าว ปั้น “เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์” สู่รีจินัลแบรนด์ เจียดงบ 50 ล้านบาทลุยตลาดต่างประเทศครั้งแรก หลังปูพรมวางจำหน่ายร่วม 50 ประเทศ ทุ่มงบ 100 ล้านบาททิ้งบอมบ์ปลายปีส่ง 5 พรีเซ็นเตอร์สร้างภาพลักษณ์สินค้าเต็มสูบ ลั่นปีหน้าเท 100 ล้านบาทดันตลาดฟังก์ชันนัลดริงก์ 1,200 ล้านบาทโตพรวด หลังปี 54 ไม่โต สิ้นปีกวาด 1,800 ล้านบาท รั้งบัลลังก์โกยแชร์ 50%
นายอานุภาพ รักอริยะพงศ์ กรรมการบริหาร บริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ เปิดเผยว่า นโยบายของบริษัทวางแผนในเชิงรุกสำหรับการทำตลาดต่างประเทศในปีหน้า ภายใต้การทุ่มงบ 50 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นการทุ่มงบการตลาดครั้งแรกภายหลังจากที่ทำตลาดมานานกระทั่งมีวางจำหน่ายใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยมี 2 ประเทศที่บริษัทดำเนินธุรกิจรูปแบบร่วมทุน คือ สโลวะเกีย และอินโดนีเซียเท่านั้น ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายสร้างแบรดน์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ ก้าวสู่ระดับริจินัลแบรนด์ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า
“เราต้องการให้เครื่องดื่มฟังก์ชันนัลเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ มีวางจำหน่ายครอบคลุมทุกช่องทาง มากกว่าการจำหน่ายเฉพาะในตลาดเอเชียเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าขณะนี้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 15% แต่บริษัทตั้งเป้าหมายหลังจากรุกตลาดจะผลักดันให้รายได้จากต่างประเทศเติบโต 60-70%”
แผนการตลาดในประเทศช่วงเดือน พ.ย. 55-ม.ค. 56 บริษัททุ่ม 100 ล้านบาทเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์เพื่อเป็นตัวแทนของเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ 5 สูตร ได้แก่ จ๋า-ณัฐฐาวีรนุช เป็นตัวแทนของสาวผิวสวยสดใส “บิวติ ดริ้งค์ สูตรคอลลาเจน” เนย-โชติกา เป็นตัวแทนของสาวร่าเริง ปราดเปรียว หุ่นสวยได้รูปด้วย “บิวติ ดริ้งค์ สูตรไฟเบอร์” กระแต-ศุภักษร สาวสวยตัวแทนของสาวผิวใสสุขภาพดีด้วย “บิวติ ดริ้งค์ สูตรคลอโรฟิลล์” โบวี่-อัฐมา เป็นตัวแทนของสาวสวยเซ็กซี่ ดูดี “บิวติ ดริ้งค์ สูตรแอล-กลูตาไวต์” และ ซี-ฉัตรปวีณ์ สาวใช้สายตามากแต่มีดวงตาที่สุขภาพดีด้วย “บิวติ ดริ้งค์ สูตรเบอร์รีไบรต์
ส่วนปีหน้าทุ่มงบการตลาดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทเพื่อผลักดันให้ตลาดมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 20% จากในปี 2554 ตลาดไม่เติบโตมีมูลค่า 1,200-1,300 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้เติบโต 20%เนื่องจากผู้เล่นรายหลักในตลาดออกมาทำกิจกรรมทางการตลาด ขณะเดียวกัน การรุกตลาดยังเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัล ซึ่งปัจจุบันเซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ มีส่วนแบ่ง 50% ที่เหลืออีก 50% เป็นของคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม จากการทำแคมเปญในช่วงปลายปีนี้คาดว่าจะผลักดันยอดขายโต 20%
สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากต่างประเทศ 30% หรือ 600 ล้านบาท และในประเทศ 70% หรือ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มฟังก์ชันนัลดริงก์เซ็ปเป้ บิวติ ดริ้งค์ 2. กลุ่มเสริมอาหาร เซนต์ แอนนา และ 3. กลุ่มน้ำผลไม้ เซ็ปเป้ ฟอร์วันเดย์ น้ำผัก 100% ส่วนผลประกอบการปีหน้าตั้งเป้ามีรายได้โต 25%
