“กาแฟดอยช้าง” ขยายไลน์ธุรกิจสร้างความยั่งยืน แตกไลน์เครื่องสำอาง พร้อมโหมหนักจากนี้เปิดร้านค้าปลีกดอยช้างมาร์ท ผุดโรงคั่วใหม่ที่ ตปท.เมืองบูคาเรสต์ พร้อมขายแฟรนไชส์นำร่องที่สิงคโปร์ มาเลเซีย
นายวิชา พรหมยงค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ผู้บริหารธุรกิจกาแฟแบรนด์ดอยช้างครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2556) กาแฟดอยช้างจะมีการขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ แต่ทั้งนี้บริษัทฯ จะหักเงินประมาณ 30% จากผลกำไรทั้งหมดเพื่อนำเข้ามูลนิธิดอยช้างฯ เพื่อนำไปใช้ทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการหางบประมาณกว่า 350 ล้านบาทเพื่อจัดสร้างโรงเรียนของหนูในต่างจังหวัด
โดยในต่างประเทศจะทำการลงทุนประมาณ 90-100 ล้านบาทเป็นลักษณะการร่วมทุนเพื่อก่อสร้างโรงคั่วกาแฟที่บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย เป็นฐานผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีกเพื่อทำการส่งออกให้คู่ค้าต่างประเทศเป็นหลัก จากเดิมที่มีฐานผลิตโรงคั่วใหญ่ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา กับเวนิส ประเทศอิตาลี
ขณะเดียวกันมีแผนที่จะย้ายโรงงานผลิตเดิมที่มิลาน ประเทศอิตาลี ไปอยู่ที่บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ด้วยเพื่อใช้เป็นฐานในการส่งออกไปตลาดยุโรปทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมากาแฟดอยช้างได้รับการติดต่อจากผู้สนใจในต่างประเทศที่จะขอเป็นผู้นำเข้าและทำตลาดเมล็ดกาแฟดอยช้างในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก เป็นต้น
นอกจากนั้นยังจะขยายแบรนด์ร้านกาแฟดอยช้างไปต่างประเทศในระบบแฟรนไชส์ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางกลุ่มทุนธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นกับเกาหลี แต่คาดว่าน่าจะสรุปเป็นกลุ่มทุนญี่ปุ่นมากกว่าที่จะร่วมมือกันทำตลาดในต่างประเทศ เป้าหมายเบื้องต้นมองไปที่ประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ก่อน วางเป้าหมายช่วงแรกจะเปิดจำนวน 10 สาขาก่อน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกดอยช้างจะสามารถป้อนวัตถุดิบเมล็ดกาแฟให้ได้ประมาณ 100 ตันในปีหน้า
ส่วนแผนธุรกิจในประเทศไทย นายวิชากล่าวว่า มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตกาแฟเพิ่มขึ้นอีกในบริเวณเดิมคือที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ด้วยงบการลงทุนไม่ต่ำกว่า 165 ล้านบาท จากเดิมมีกำลังผลิตได้ประมาณ 1,200-1,500 ตันต่อปี จะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 6,000 ตันต่อปีเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในจำนวน 60% จากผลผลิตนี้จะเป็นกาแฟระดับพรีเมียม ส่วนที่เหลือจะเป็นระดับรองลงมา ซึ่งนำไปใช้กับกาแฟแบรนด์อื่นในเครือดอยช้างเอง เช่น แบรนด์เบสต์คอฟ (Best Koff)
ปัจจุบันมีร้านดอยช้างที่เป็นของบริษัทเองมากกว่า 20 สาขา ส่วนที่เป็นของพันธมิตรที่ใช้แบรนด์ดอยช้างมีประมาณ 300 กว่าสาขา
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจด้วยการแตกไลน์เพื่อเป็นการต่อยอดและสร้างความยั่งยืนให้องค์กรด้วย โดยได้ขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ด้วย โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “นูด้า” (NUDA) เช่น สบู่ที่ผลิตจากน้ำผึ้ง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และจากนี้จะเริ่มทำตลาดจริงจังมากขึ้น
ล่าสุดมีกลุ่มทุนจากประเทศอเมริกาสนใจที่จะร่วมทุนกับบริษัทฯ ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ของนูด้าในอเมริกาด้วย แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาในรายละเอียด ซึ่งแนวทางอาจจะเป็นการโออีเอ็มโดยหาโรงงานที่ผลิตจากที่อเมริกาให้แต่ใช้สูตรของดอยช้างเอง
นอกจากนั้นเพิ่งจะขยายไลน์สู่ค้าปลีกด้วยการเปิดร้านดอยช้างมาร์ทและร้านดอยช้างโชวห่วยที่บริเวณเดียวกับไร่กาแฟบนดอย รวมทั้งล่าสุดได้เป็นผู้ป้อนเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบต่างๆ ทางด้านกาแฟให้ร้านกาแฟพันธุ์ไทยของปั๊มน้ำมันพีทีอีกด้วย
นายวิชา พรหมยงค์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดอยช้าง คอฟฟี่ ออริจินอล จำกัด ผู้บริหารธุรกิจกาแฟแบรนด์ดอยช้างครบวงจรของไทย เปิดเผยว่า ในปีหน้า (2556) กาแฟดอยช้างจะมีการขยายตัวต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศ แต่ทั้งนี้บริษัทฯ จะหักเงินประมาณ 30% จากผลกำไรทั้งหมดเพื่อนำเข้ามูลนิธิดอยช้างฯ เพื่อนำไปใช้ทำประโยชน์ให้สังคม ซึ่งล่าสุดอยู่ระหว่างการหางบประมาณกว่า 350 ล้านบาทเพื่อจัดสร้างโรงเรียนของหนูในต่างจังหวัด
โดยในต่างประเทศจะทำการลงทุนประมาณ 90-100 ล้านบาทเป็นลักษณะการร่วมทุนเพื่อก่อสร้างโรงคั่วกาแฟที่บูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย เป็นฐานผลิตใหม่เพิ่มขึ้นอีกเพื่อทำการส่งออกให้คู่ค้าต่างประเทศเป็นหลัก จากเดิมที่มีฐานผลิตโรงคั่วใหญ่ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา กับเวนิส ประเทศอิตาลี
ขณะเดียวกันมีแผนที่จะย้ายโรงงานผลิตเดิมที่มิลาน ประเทศอิตาลี ไปอยู่ที่บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ด้วยเพื่อใช้เป็นฐานในการส่งออกไปตลาดยุโรปทั้งหมด ซึ่งที่ผ่านมากาแฟดอยช้างได้รับการติดต่อจากผู้สนใจในต่างประเทศที่จะขอเป็นผู้นำเข้าและทำตลาดเมล็ดกาแฟดอยช้างในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก เป็นต้น
นอกจากนั้นยังจะขยายแบรนด์ร้านกาแฟดอยช้างไปต่างประเทศในระบบแฟรนไชส์ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับทางกลุ่มทุนธุรกิจจากประเทศญี่ปุ่นกับเกาหลี แต่คาดว่าน่าจะสรุปเป็นกลุ่มทุนญี่ปุ่นมากกว่าที่จะร่วมมือกันทำตลาดในต่างประเทศ เป้าหมายเบื้องต้นมองไปที่ประเทศมาเลเซียและประเทศสิงคโปร์ก่อน วางเป้าหมายช่วงแรกจะเปิดจำนวน 10 สาขาก่อน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกดอยช้างจะสามารถป้อนวัตถุดิบเมล็ดกาแฟให้ได้ประมาณ 100 ตันในปีหน้า
ส่วนแผนธุรกิจในประเทศไทย นายวิชากล่าวว่า มีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตกาแฟเพิ่มขึ้นอีกในบริเวณเดิมคือที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ด้วยงบการลงทุนไม่ต่ำกว่า 165 ล้านบาท จากเดิมมีกำลังผลิตได้ประมาณ 1,200-1,500 ตันต่อปี จะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 6,000 ตันต่อปีเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในจำนวน 60% จากผลผลิตนี้จะเป็นกาแฟระดับพรีเมียม ส่วนที่เหลือจะเป็นระดับรองลงมา ซึ่งนำไปใช้กับกาแฟแบรนด์อื่นในเครือดอยช้างเอง เช่น แบรนด์เบสต์คอฟ (Best Koff)
ปัจจุบันมีร้านดอยช้างที่เป็นของบริษัทเองมากกว่า 20 สาขา ส่วนที่เป็นของพันธมิตรที่ใช้แบรนด์ดอยช้างมีประมาณ 300 กว่าสาขา
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ขยายธุรกิจด้วยการแตกไลน์เพื่อเป็นการต่อยอดและสร้างความยั่งยืนให้องค์กรด้วย โดยได้ขยายไลน์สินค้าไปยังกลุ่มเครื่องสำอางและสกินแคร์ด้วย โดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า “นูด้า” (NUDA) เช่น สบู่ที่ผลิตจากน้ำผึ้ง ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และจากนี้จะเริ่มทำตลาดจริงจังมากขึ้น
ล่าสุดมีกลุ่มทุนจากประเทศอเมริกาสนใจที่จะร่วมทุนกับบริษัทฯ ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ของนูด้าในอเมริกาด้วย แต่ทั้งนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาในรายละเอียด ซึ่งแนวทางอาจจะเป็นการโออีเอ็มโดยหาโรงงานที่ผลิตจากที่อเมริกาให้แต่ใช้สูตรของดอยช้างเอง
นอกจากนั้นเพิ่งจะขยายไลน์สู่ค้าปลีกด้วยการเปิดร้านดอยช้างมาร์ทและร้านดอยช้างโชวห่วยที่บริเวณเดียวกับไร่กาแฟบนดอย รวมทั้งล่าสุดได้เป็นผู้ป้อนเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบต่างๆ ทางด้านกาแฟให้ร้านกาแฟพันธุ์ไทยของปั๊มน้ำมันพีทีอีกด้วย