กรมการขนส่งทางบกคุมเข้มพฤติกรรมผู้ขับรถบรรทุกวัตถุอันตราย และรถลากจูงวัตถุอันตราย บังคับติดตั้งเครื่อง GPS Tracking เพื่อควบคุมทั้งความเร็วและชั่วโมงการทำงาน เริ่มบังคับมาตรการตั้งแต่ 1 ม.ค. 56
นายวัฒนา พัทรชนม์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไปกรมการขนส่งทางบกจะบังคับใช้มาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากรถขนส่งวัตถุอันตราย โดยกำหนดให้รถบรรทุกวัตถุอันตราย (ลักษณะ 4) และรถลากจูง (ลักษณะ 9) ที่ใช้สำหรับลากรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัตถุอันตราย ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ทุกคันเพื่อให้สามารถติดตาม ควบคุม กำกับดูแลพนักงานขับรถไม่ให้ขับเร็วเกินกำหนด และควบคุมชั่วโมงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมพฤติกรรมผู้ขับ เนื่องจากการวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุที่เกิดแก่รถบรรทุกวัตถุอันตรายส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากการที่ผู้ขับรถขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับการทำงานเกินชั่วโมงทำงานที่เหมาะสมทำให้เกิดความเหนื่อยล้า
สำหรับรถที่ติดตั้งเครื่อง GPS แล้วก่อนหน้านี้แต่ยังไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาผ่อนผันให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไป
ส่วนการติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ GPS จากผู้ให้บริการ หรือผู้จำหน่ายที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก โดยจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตามประเภทและลักษณะโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการติดตามและตรวจสอบรถ และเป็นผู้ที่มีภาระรับผิดชอบตามกฎหมายต่อเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ หรือเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุโทรคมนาคม
โดยเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) จะต้องมีลักษณะและระบบการทำงานตามที่กำหนดไว้ เช่น สามารถแสดงตำแหน่งของรถในรูปแบบของระบบพิกัดบนพื้นโลกโดยการอ้างอิงจากดาวเทียม แสดงความเร็วด้วยความละเอียด 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถส่งข้อมูลที่บันทึกผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมในลักษณะที่เป็น Real-time ทุกๆ 1 ครั้งใน 1 นาที เป็นต้น และผู้ให้บริการระบบติดตามรถจะต้องมีระบบรายงานข้อมูลการกระทำความผิดตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เช่น การรายงานข้อมูลความเร็วที่เกินกฎหมายกำหนด, จำนวนชั่วโมงทำงานต่อเนื่อง, จำนวนชั่วโมงรวมต่อวัน, เลขที่ใบอนุญาตผู้ขับรถ, ทะเบียนรถ, เวลา และสถานที่ที่กระทำความผิด ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดคุณลักษณะและระบบการทำงานของเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ และประเภทและลักษณะรถที่ต้องมีเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศดังกล่าวได้ภายในเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกได้มีการจัดประชุมผู้ประกอบการขนส่งวัตถุอันตราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมกำกับดูแลผู้ประกอบการขนส่งให้มีความรับผิดชอบและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการขนส่งตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
นายวัฒนา พัทรชนม์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 เป็นต้นไปกรมการขนส่งทางบกจะบังคับใช้มาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากรถขนส่งวัตถุอันตราย โดยกำหนดให้รถบรรทุกวัตถุอันตราย (ลักษณะ 4) และรถลากจูง (ลักษณะ 9) ที่ใช้สำหรับลากรถกึ่งพ่วงบรรทุกวัตถุอันตราย ต้องติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ทุกคันเพื่อให้สามารถติดตาม ควบคุม กำกับดูแลพนักงานขับรถไม่ให้ขับเร็วเกินกำหนด และควบคุมชั่วโมงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อควบคุมพฤติกรรมผู้ขับ เนื่องจากการวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุที่เกิดแก่รถบรรทุกวัตถุอันตรายส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากการที่ผู้ขับรถขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับการทำงานเกินชั่วโมงทำงานที่เหมาะสมทำให้เกิดความเหนื่อยล้า
สำหรับรถที่ติดตั้งเครื่อง GPS แล้วก่อนหน้านี้แต่ยังไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด กรมการขนส่งทางบกจะพิจารณาผ่อนผันให้ดำเนินการแก้ไขให้เสร็จสมบูรณ์ต่อไป
ส่วนการติดตั้งเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ GPS จากผู้ให้บริการ หรือผู้จำหน่ายที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก โดยจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมตามประเภทและลักษณะโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการติดตามและตรวจสอบรถ และเป็นผู้ที่มีภาระรับผิดชอบตามกฎหมายต่อเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ หรือเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองตามกฎหมายว่าด้วยวิทยุโทรคมนาคม
โดยเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ (GPS Tracking) จะต้องมีลักษณะและระบบการทำงานตามที่กำหนดไว้ เช่น สามารถแสดงตำแหน่งของรถในรูปแบบของระบบพิกัดบนพื้นโลกโดยการอ้างอิงจากดาวเทียม แสดงความเร็วด้วยความละเอียด 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถส่งข้อมูลที่บันทึกผ่านเครือข่ายโทรคมนาคมในลักษณะที่เป็น Real-time ทุกๆ 1 ครั้งใน 1 นาที เป็นต้น และผู้ให้บริการระบบติดตามรถจะต้องมีระบบรายงานข้อมูลการกระทำความผิดตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เช่น การรายงานข้อมูลความเร็วที่เกินกฎหมายกำหนด, จำนวนชั่วโมงทำงานต่อเนื่อง, จำนวนชั่วโมงรวมต่อวัน, เลขที่ใบอนุญาตผู้ขับรถ, ทะเบียนรถ, เวลา และสถานที่ที่กระทำความผิด ซึ่งขณะนี้กรมการขนส่งทางบกอยู่ระหว่างการจัดทำร่างประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง กำหนดคุณลักษณะและระบบการทำงานของเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ และประเภทและลักษณะรถที่ต้องมีเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถ ซึ่งคาดว่าจะออกประกาศดังกล่าวได้ภายในเดือนตุลาคมนี้
อย่างไรก็ตาม กรมการขนส่งทางบกได้มีการจัดประชุมผู้ประกอบการขนส่งวัตถุอันตราย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจและรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับมาตรการในการควบคุมกำกับดูแลผู้ประกอบการขนส่งให้มีความรับผิดชอบและปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการขนส่งตามที่กฎหมายกำหนด คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะสามารถป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
