สื่อในรถไฟฟ้าใต้ดินบูม เหตุไลฟ์สไตล์คนเมืองกำลังซื้อสูง บวกสื่อจอแอลซีดีเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ส่งคอนซูเมอร์โปรดักต์แห่ลงโฆษณาเพียบ สิ้นปีคาดโกยรายได้จากการขายโฆษณา 200 ล้านบาท ดันรายได้รวมทะลุ 300 ล้านบาท โต 30-35%
นางทิพย์สุดา ยิ้มวิไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (บีเอ็มเอ็น) ผู้บริหารสื่อโฆษณารถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้บริษัทฯ ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะทำได้ถึง 280-300 ล้านบาท เติบโต 30-35% มาจาก 3 ส่วนธุรกิจหลัก คือ 1. รายได้จากกลุ่มโฆษณาภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน 180-200 ล้านบาท โต 20% 2. เทเลคอมมูนิเคชัน 60-80 ล้านบาท และ 3. รีเทล เมโทรมอลล์ 20-40 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทมีแผนลงทุนอีกราว 20-30 ล้านบาทในส่วนของกลุ่มโฆษณา โดยจะเป็นการเพิ่มจอแอลซีดีขนาด 80-100 นิ้วมาติดตั้งใน 3 สถานีหลัก คือ สีลม พระราม 9 และสุขุมวิท จากเดิมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาได้เพิ่มจอ PID แล้วกว่า 607 จอ ครอบคลุมทั้งภายนอก และภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน
ส่วนค้าปลีกนั้น ปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 3-4 แห่ง เช่น สถานีพระราม 9 เป็นต้น และในปีต่อไปจะเปิดให้ครบ 11 สถานี จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 4 สถานี คือ กำแพงเพชร จตุจักร พหลโยธิน และสุขุมวิท ขณะที่กลุ่มเทเลคอมมูนิเคชัน ปีหน้าถ้ามีเรื่องของ 3G เข้ามาจะมีการติดตั้งสัญญาณระบบโทรศัพท์เพิ่มเติมภายในแต่ละสถานี จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้กลุ่มเทเลคอมมูนิเคชันมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้านนายเอกลักษณ์ ยิ้มวิไล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (บีเอ็มเอ็น) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินแตกต่างจากเดิมมาก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิงกว่า 59% อายุระหว่าง 15-59 ปี ส่วนใหญ่โสด เป็นพนักงานหรือเจ้าของธุรกิจเป็นหลัก รายเฉลี่ย 60,000 บาทต่อครัวเรือนขึ้นไป ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งกำลังซื้อกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีอำนาจการใช้จ่ายสูง มีไลฟ์สไตล์ และต้องการความคล่องตัวสูง ดังนั้นกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ที่ควรโฆษณาลงบนสื่อเอ็มอาร์ที ได้แก่ แฟชั่น คอสเมติก บ้านและคอนโดฯ รวมถึงเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม พบด้วยว่าภายหลังจากที่มีการเพิ่มจอ PIDs เข้ามา พร้อมทั้งบีเอ็มเอ็นได้ร่วมมือกับทางแพลนบี มีเดีย ในการขายโฆษณาร่วมกัน ส่งผลให้ปัจจุบันสื่อเอ็มอาร์ทีมีลูกค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% จาก 10% ขณะที่ก่อนหน้ากลุ่มลูกค้าแบบคอร์ปอเรตแบรนด์ สถาบันการเงิน เป็นต้น
นางทิพย์สุดา ยิ้มวิไล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (บีเอ็มเอ็น) ผู้บริหารสื่อโฆษณารถไฟฟ้าใต้ดิน เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้บริษัทฯ ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะทำได้ถึง 280-300 ล้านบาท เติบโต 30-35% มาจาก 3 ส่วนธุรกิจหลัก คือ 1. รายได้จากกลุ่มโฆษณาภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินและภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน 180-200 ล้านบาท โต 20% 2. เทเลคอมมูนิเคชัน 60-80 ล้านบาท และ 3. รีเทล เมโทรมอลล์ 20-40 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าบริษัทมีแผนลงทุนอีกราว 20-30 ล้านบาทในส่วนของกลุ่มโฆษณา โดยจะเป็นการเพิ่มจอแอลซีดีขนาด 80-100 นิ้วมาติดตั้งใน 3 สถานีหลัก คือ สีลม พระราม 9 และสุขุมวิท จากเดิมในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาได้เพิ่มจอ PID แล้วกว่า 607 จอ ครอบคลุมทั้งภายนอก และภายในรถไฟฟ้าใต้ดิน
ส่วนค้าปลีกนั้น ปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 3-4 แห่ง เช่น สถานีพระราม 9 เป็นต้น และในปีต่อไปจะเปิดให้ครบ 11 สถานี จากปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 4 สถานี คือ กำแพงเพชร จตุจักร พหลโยธิน และสุขุมวิท ขณะที่กลุ่มเทเลคอมมูนิเคชัน ปีหน้าถ้ามีเรื่องของ 3G เข้ามาจะมีการติดตั้งสัญญาณระบบโทรศัพท์เพิ่มเติมภายในแต่ละสถานี จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้กลุ่มเทเลคอมมูนิเคชันมีรายได้เพิ่มขึ้น
ด้านนายเอกลักษณ์ ยิ้มวิไล ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด (บีเอ็มเอ็น) กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินแตกต่างจากเดิมมาก ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้หญิงกว่า 59% อายุระหว่าง 15-59 ปี ส่วนใหญ่โสด เป็นพนักงานหรือเจ้าของธุรกิจเป็นหลัก รายเฉลี่ย 60,000 บาทต่อครัวเรือนขึ้นไป ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งกำลังซื้อกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีอำนาจการใช้จ่ายสูง มีไลฟ์สไตล์ และต้องการความคล่องตัวสูง ดังนั้นกลุ่มสินค้าสำหรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้ที่ควรโฆษณาลงบนสื่อเอ็มอาร์ที ได้แก่ แฟชั่น คอสเมติก บ้านและคอนโดฯ รวมถึงเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม พบด้วยว่าภายหลังจากที่มีการเพิ่มจอ PIDs เข้ามา พร้อมทั้งบีเอ็มเอ็นได้ร่วมมือกับทางแพลนบี มีเดีย ในการขายโฆษณาร่วมกัน ส่งผลให้ปัจจุบันสื่อเอ็มอาร์ทีมีลูกค้ากลุ่มคอนซูเมอร์โปรดักต์มากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 30% จาก 10% ขณะที่ก่อนหน้ากลุ่มลูกค้าแบบคอร์ปอเรตแบรนด์ สถาบันการเงิน เป็นต้น
