ซีทีเอชพร้อมก้าวสู่ความเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์เต็มสูบ ลุยให้บริการบรอดแบนด์ผ่านไฟเบอร์ออปติก เริ่มพรีลอนช์ พ.ย.นี้ พร้อมลุยเต็มตัว ก.พ.ปีหน้า มั่นใจถึงสิ้นปี 2558 มีฐานสมาชิกกว่า 10 ล้านครัวเรือน คุยเม็ดเงินโฆษณาแห่ซบกว่าครึ่งจากสื่อทีวีรวม
นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือซีทีเอช เปิดเผยว่า ตนได้เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอให้ซีทีเอชอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ตนเป็นผู้ร่างโครงการโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกและบริการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นให้ทางซีทีเอชอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้โครงข่ายไฟเบอร์ออปติกมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท (เป็นงบประมาณใช้ถึงปี 2558) ที่ทางซีทีเอชได้ดำเนินการอยู่นั้นได้วางระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และประโยชน์ของโครงข่ายนี้จะทำให้ภาพรวมธุรกิจเดิมที่เป็นเพียงเคเบิลทีวีจะก้าวสู่การเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์อย่างเต็มรูปแบบ ในลักษณะของการให้บริการบรอดแบนด์ผ่านไฟเบอร์ออปติก ซึ่งทางด้านเทคนิคแล้วสามารถให้บริการได้มากกว่าเคเบิลทีวีอย่างที่ผ่านมา
ดังนั้น ในเดือน พ.ย.จนถึงต้นปีหน้า บริษัทจะต้องเปลี่ยนระบบการรับชมเคเบิลทีวีจากแบบแอนะล็อกสู่ไฟเบอร์ออปติกให้ครบจากปัจจุบันเคเบิลทีวีมีฐานสมาชิกกว่า 2.5-3 ล้านครัวเรือน และในช่วงเดือน ก.พ.ปีหน้าจะเข้าสู่เฟสแรกของการให้บริการแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ และหลังจากนั้นในช่วงไตรมาสสองและสามจะเป็นช่วงเฟสสองที่จะเข้าสู่การให้บริการแบบ Trip Play คือด้านภาพ อินเทอร์เน็ต และเสียง และQuad Play ที่เพิ่มบริการด้านโมบายล์โฟนอีกหนึ่งบริการที่จะให้บริการ ส่งผลให้ซีทีเอชเข้าสู่การเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ให้บริการในรูปแบบบรอดแบนด์ผ่านไฟเบอร์ออปติกอย่างเต็มรูปแบบ
โดยตามแผนการดำเนินงาน ทางบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมประมูล 3G มาต่อยอดบริการ Quad Play รวมทั้งเข้าร่วมประมูลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพื่อต้องการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพให้สมาชิกเคเบิลทีวีต่อไป จากปัจจุบันเคเบิลทีวีสามารถรับชมได้กว่า 120 ช่อง หลังจากเปลี่ยนเป็นระบบไฟเบอร์ออปติกแล้ว สามารถเพิ่มจำนวนช่องได้อีกมากถึง 800 ช่องได้ ขณะที่ราคาค่าบริการนั้น เบื้องต้นมองว่าจะไม่มีการปรับราคาเพิ่มแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มองว่าภายในปี 2558 รูปแบบบริการของซีทีเอชจะมีหลากหลายมากขึ้น เช่น เคเบิลทีวี, อินเทอร์เน็ต, ดิจิตอลมีเดีย, โฮมชอปปิ้ง, รีเสิร์ช, บีทูบี เซอร์วิส และไดเรกต์มาร์เกตติ้งเซอร์วิส เป็นต้น โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะสร้างรายได้ได้มากนั้นคือ ดิจิตอลมีเดีย และโฮมชอปปิ้ง ขณะที่กลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีนั้นมองว่าจะมีฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 10 ล้านครัวเรือนได้ โดยรูปแบบการให้บริการนั้นจะมีทั้งแบบสมาชิกรายเดือนที่ 350-400 บาทต่อเดือน และแบบใหม่คือ เลือกซื้อช่องรายการที่ต้องการรับชมได้ตามความต้องการของผู้ชม ขณะที่ในแง่ของเม็ดเงินโฆษณานั้น เชื่อว่าถึงเวลานั้นจะสามารถแย่งแชร์จากสื่อทีวีได้กว่าครึ่ง จากปัจจุบันสื่อเคเบิลมีแชร์จากตลาดเม็ดเงินโฆษณาราว 1,000 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่สื่อทีวีมีแชร์อยู่ 60% จากมูลค่าเม็ดเงินโฆษณารวม 101,000 ล้านบาทในปี 2554 ที่ผ่านมา
นายกฤษณัน กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมผู้ถือหุ้นของซีทีเอชนั้น ปัจจุบันจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่ 20% ยังคงเก็บไว้ก่อนเพื่อรอผู้ถือหุ้นใหม่ที่สนใจเข้าร่วมทุนหลังจากนี้ โดยจำนวนหุ้นดังกล่าวไม่มีแผนที่จะเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นรายเดิมที่ปัจจุบันประกอบด้วยผู้ถือหุ้นหลัก 3 ราย คือ 1. นายวิชัย ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) บริหารโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง ถือหุ้นในสัดส่วน 25% 2. นางยิ่งลักษณ์ วัชรพล ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถือหุ้น 25% และ 3. กลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นอีก 30 คน ร่วมกันถือหุ้นอีก 30%
นายกฤษณัน งามผาติพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคเบิล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือซีทีเอช เปิดเผยว่า ตนได้เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอให้ซีทีเอชอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านี้ตนเป็นผู้ร่างโครงการโครงข่ายไฟเบอร์ออปติกและบริการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นให้ทางซีทีเอชอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้โครงข่ายไฟเบอร์ออปติกมูลค่าการลงทุนกว่า 20,000 ล้านบาท (เป็นงบประมาณใช้ถึงปี 2558) ที่ทางซีทีเอชได้ดำเนินการอยู่นั้นได้วางระบบเสร็จสมบูรณ์แล้ว และประโยชน์ของโครงข่ายนี้จะทำให้ภาพรวมธุรกิจเดิมที่เป็นเพียงเคเบิลทีวีจะก้าวสู่การเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์อย่างเต็มรูปแบบ ในลักษณะของการให้บริการบรอดแบนด์ผ่านไฟเบอร์ออปติก ซึ่งทางด้านเทคนิคแล้วสามารถให้บริการได้มากกว่าเคเบิลทีวีอย่างที่ผ่านมา
ดังนั้น ในเดือน พ.ย.จนถึงต้นปีหน้า บริษัทจะต้องเปลี่ยนระบบการรับชมเคเบิลทีวีจากแบบแอนะล็อกสู่ไฟเบอร์ออปติกให้ครบจากปัจจุบันเคเบิลทีวีมีฐานสมาชิกกว่า 2.5-3 ล้านครัวเรือน และในช่วงเดือน ก.พ.ปีหน้าจะเข้าสู่เฟสแรกของการให้บริการแบบดิจิตอลเต็มรูปแบบ และหลังจากนั้นในช่วงไตรมาสสองและสามจะเป็นช่วงเฟสสองที่จะเข้าสู่การให้บริการแบบ Trip Play คือด้านภาพ อินเทอร์เน็ต และเสียง และQuad Play ที่เพิ่มบริการด้านโมบายล์โฟนอีกหนึ่งบริการที่จะให้บริการ ส่งผลให้ซีทีเอชเข้าสู่การเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ให้บริการในรูปแบบบรอดแบนด์ผ่านไฟเบอร์ออปติกอย่างเต็มรูปแบบ
โดยตามแผนการดำเนินงาน ทางบริษัทกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะเข้าร่วมประมูล 3G มาต่อยอดบริการ Quad Play รวมทั้งเข้าร่วมประมูลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เพื่อต้องการนำเสนอคอนเทนต์คุณภาพให้สมาชิกเคเบิลทีวีต่อไป จากปัจจุบันเคเบิลทีวีสามารถรับชมได้กว่า 120 ช่อง หลังจากเปลี่ยนเป็นระบบไฟเบอร์ออปติกแล้ว สามารถเพิ่มจำนวนช่องได้อีกมากถึง 800 ช่องได้ ขณะที่ราคาค่าบริการนั้น เบื้องต้นมองว่าจะไม่มีการปรับราคาเพิ่มแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มองว่าภายในปี 2558 รูปแบบบริการของซีทีเอชจะมีหลากหลายมากขึ้น เช่น เคเบิลทีวี, อินเทอร์เน็ต, ดิจิตอลมีเดีย, โฮมชอปปิ้ง, รีเสิร์ช, บีทูบี เซอร์วิส และไดเรกต์มาร์เกตติ้งเซอร์วิส เป็นต้น โดยกลุ่มธุรกิจที่คาดว่าจะสร้างรายได้ได้มากนั้นคือ ดิจิตอลมีเดีย และโฮมชอปปิ้ง ขณะที่กลุ่มธุรกิจเคเบิลทีวีนั้นมองว่าจะมีฐานสมาชิกเพิ่มเป็น 10 ล้านครัวเรือนได้ โดยรูปแบบการให้บริการนั้นจะมีทั้งแบบสมาชิกรายเดือนที่ 350-400 บาทต่อเดือน และแบบใหม่คือ เลือกซื้อช่องรายการที่ต้องการรับชมได้ตามความต้องการของผู้ชม ขณะที่ในแง่ของเม็ดเงินโฆษณานั้น เชื่อว่าถึงเวลานั้นจะสามารถแย่งแชร์จากสื่อทีวีได้กว่าครึ่ง จากปัจจุบันสื่อเคเบิลมีแชร์จากตลาดเม็ดเงินโฆษณาราว 1,000 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่สื่อทีวีมีแชร์อยู่ 60% จากมูลค่าเม็ดเงินโฆษณารวม 101,000 ล้านบาทในปี 2554 ที่ผ่านมา
นายกฤษณัน กล่าวต่อว่า สำหรับภาพรวมผู้ถือหุ้นของซีทีเอชนั้น ปัจจุบันจำนวนหุ้นที่เหลืออยู่ 20% ยังคงเก็บไว้ก่อนเพื่อรอผู้ถือหุ้นใหม่ที่สนใจเข้าร่วมทุนหลังจากนี้ โดยจำนวนหุ้นดังกล่าวไม่มีแผนที่จะเพิ่มให้ผู้ถือหุ้นรายเดิมที่ปัจจุบันประกอบด้วยผู้ถือหุ้นหลัก 3 ราย คือ 1. นายวิชัย ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) บริหารโรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง ถือหุ้นในสัดส่วน 25% 2. นางยิ่งลักษณ์ วัชรพล ผู้บริหารหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ถือหุ้น 25% และ 3. กลุ่มผู้ประกอบการเคเบิลทีวีท้องถิ่นอีก 30 คน ร่วมกันถือหุ้นอีก 30%
