ทัวร์รัสเซียชี้ไทยมีลุ้นเสียตลาด เหตุเพราะไม่พัฒนาที่จะรู้จักธรรมชาติของนักท่องเที่ยวตลาดนี้ อัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไม่จริงใจแก้ปัญหา หลอกลวงนักท่องเที่ยว ด้านผู้ประกอบการทัวร์และสายการบินบางกอกแอร์เวย์สย้ำ ภาพธุรกิจท่องเที่ยวหลังเปิดเออีซีจะเห็นความร่วมมือผนึกเป็นพันธมิตรสร้างโครงข่ายและอำนาจการต่อรอง ระบุรัฐต้องมีแผนด้านท่องเที่ยวระยะยาว และเร่งพัฒนาสนามบินเกือบ 60 แห่งทั่วประเทศรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยว
วันนี้ (6 ก.ย.) งานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “Tourism’s Opportunities & Trends in/2015” จัดโดยสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ได้เชิญกูรูในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากบริษัทนำเที่ยวใน 3 ตลาดสำคัญ ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย และจีน มาร่วมพยากรณ์การท่องเที่ยวไทย 2558 “ฟูหรือฟุบหลังเปิดประชาคมอาเซียน”
****ปิกัสอัดไทยไม่เข้าใจนักท่องเที่ยวรัสเซีย
นายกูบิไลย์ อเทค (Kubilay ATAC) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ปิกัส ทัวริส (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจทัวร์อินบาวนด์จากประเทศรัสเซียเข้ามาประเทศไทย กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่จัดทัวร์จากประเทศรัสเซียเข้ามาประเทศไทยในระยะ 4 ปีที่ผ่านมามองเห็นปัญหาของประเทศไทยอย่างมากมาย ที่สำคัญคือ หน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยยังไม่รู้จักธรรมชาติของตลาดนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย เริ่มจากความเข้าใจ และการพูดภาษารัสเซียมีน้อยมาก เพียง 2% ของคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งต่างจากประเทศเวียดนามซึ่งคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเขา 70% รู้และเข้าใจภาษารัสเซีย ในเรื่องของระบบจัดการบริการก็เช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวรัสเซียจะอยู่นานเฉลี่ยมากกว่า 2
สัปดาห์ ใช้จ่ายเฉพาะชอปปิ้ง และอื่นๆ ไม่รวมค่าที่พักเฉลี่ยราว 6 หมื่นบาทต่อคน ต่อทริป แต่ก็ยังไม่มีเมนูอาหารที่เป็นของรัสเซียไว้ต้อนรับ เป็นต้น
“ปีที่ผ่านมาชาวรัสเซียเดินทางเข้ามากว่า 1 ล้านคน ในที่นี้กว่า 50% ผ่านบริษัททัวร์ของปิกัส ซึ่งการเติบโตของตลาดรัสเซียมาจากปัจจัยภายนอก เพราะประเทศอื่นๆ อย่างตะวันออกกลางมีปัญหาการเมืองทำให้บริษัททัวร์ต้องหันมานำเสนอประเทศไทย แต่ยังเป็นอันดับ 4 ของชาวรัสเซียที่เดินทางออกนอกประเทศ โดยอันดับ 1 คือตุรกี รองมาคืออียิปต์ ซึ่งยอมรับว่าไทยมีจุดแข็งคือความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว แสงแดดและทะเล แต่ยังขาดเรื่องบริการ เพราะเท่าที่เห็นยังไม่ใส่ใจที่จะเข้าถึงพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรัสเซียเท่าที่ควร และหากไม่พัฒนา เชื่อว่าเมื่อเปิดเออีซีไทยมีโอกาสสูญเสียตลาดนี้”
นายกูบิไลย์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาประสานการทำงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาโดยตลอดซึ่งทำได้ดีมาก แต่สิ่งที่ควรปรับคือการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ควรจะใส่ใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากกว่านี้ โดยเฉพาะปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวที่ยังมีให้เห็นอีกมาก เช่นการขายสินค้าราคาแพงเกินจริง เป็นต้น แต่ดูเหมือนรัฐบาล รัฐมนตรีไม่ได้ใส่ใจแก้ปัญหาเท่าที่ควร เชื่อว่าหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ในส่วนของตลาดรัสเซียจะเติบโตแบบก้าวกระโดจากที่เป็นอยู่ ขณะที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวก็ควรที่จะตื่นตัวกับทุกสิ่งตามความเป็นจริง โดยตลาดรัสเซีย 6เดือนปีนี้เติบโตจากปีก่อนราว 18%
***หาพันธมิตรสร้างเครือข่าย
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท ภายหลังเปิดเออีซีจะเห็นภาพของความร่วมมือกับสายการบินอื่นๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างโครงข่ายทางการบินให้มีความถี่มากขึ้น ล่าสุดได้จับมือกับมาเลเซียแอร์ไลน์ ในการส่งต่อลูกค้าให้แก่กัน หรือโคชแชร์ นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของโอกาสในการขายธุรกิจเนื่องจากเปิดเออีซีก็จะลดกำแพงภาษีลงช่วยให้ทำตลาดเชิงรุกในการไปลงทุนต่างประเทศได้ แต่ทั้งนี้ การแข่งขันของแอร์ไลน์ก็ยังเข้มข้นมากขึ้นด้วย ซึ่งบางกอกแอร์ฯ ไม่มีนโยบายขยายหรือเพิ่มสนามบินที่มีอยู่ แต่ขอแนะนำให้รัฐบาล นำสนามบินที่มีอยู่เกือบ 60 แห่งทั่วประเทศมาพัฒนาให้เป็นสนามบินพาณิชย์รองรับนักท่องเที่ยวด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังศึกษาสายการบินที่จะเป็นไฟติ้งแบรนด์ ทำตลาดในเซกเมนต์เดียวกันกับสายการบินโลว์คอสต์ซึ่งกำลังเติบโตสูง ส่วนความคืบหน้าการเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว คาดว่าจะนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนปลายปีจะเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง
***เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า เพิ่มอำนาจต่อรอง
นายพิศิฐ รัตนเชตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลเลียน เดสติเนชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเที่ยวอินบาวนด์จากประเทศอินเดีย กล่าวว่า จากนี้ไปจนถึงการเปิดเออีซีจะเห็นการรวมตัวของกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับประเทศคู่ค้า ทั้งจากกลุ่มอียู กลุ่มนาฟตา และแม้แต่ในตลาดอินเดีย โดยการรวมกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มระดับอาเซียน
อย่างเช่น จากสมาคมโรงแรมไทย ก็จะเป็นสมาคมโรงแรมอาเซียน เป็นต้น และไทยควรใช้จุดแข็งเรื่องที่ตั้งประเทศซึ่งเป็นโลเกชันที่ดีเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุนการเดินทางแบบเชื่องโยงไปยังประเทศอื่นๆ ที่สำคัญรัฐต้องเร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคมให้มีความสะดวก เชื่อมโยงในประเทศและกลุ่มอาเซียน ส่วนตลาดอินเดียต้องการให้ภาครัฐเข้าไปสร้างการรับรู้ในเมืองรองซึ่งมีกำลังซื้อไม่น้อยกว่าเมืองหลักหรือเมืองหลวง เช่น แคว้นโอริสสา
***นักท่องเที่ยวระดับกลางยังเป็นตลาดใหญ่
นายบิลล์ เบอเน็ทท์ กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks Co.,Ltd กล่าวว่า นักท่องเที่ยวระดับกลางยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อเปิดเออีซี รวมถึงจีน และอินเดีย เห็นได้จากปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาภูเก็ต 25% มาจากรัสเซีย และจีน ส่งผลให้ภูเก็ตไม่มีโลว์ซีซัน ส่วนของภาครัฐควรต้องวางแผนการขยายสนามบินแยกตามเฟสและเดินหน้าตามแผนอย่างจริงจัง เพราะแม้ไทยจะมีจุดแข็งเรื่องโรงแรมดี ราคาคุ้มค่า แต่หากการเดินทางไม่พร้อมก็คงมีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาจุดเสียของไทยคือขาดการวางแผนระยะยาว
วันนี้ (6 ก.ย.) งานสัมมนาภายใต้หัวข้อ “Tourism’s Opportunities & Trends in/2015” จัดโดยสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) ได้เชิญกูรูในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากบริษัทนำเที่ยวใน 3 ตลาดสำคัญ ได้แก่ อินเดีย รัสเซีย และจีน มาร่วมพยากรณ์การท่องเที่ยวไทย 2558 “ฟูหรือฟุบหลังเปิดประชาคมอาเซียน”
****ปิกัสอัดไทยไม่เข้าใจนักท่องเที่ยวรัสเซีย
นายกูบิไลย์ อเทค (Kubilay ATAC) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ปิกัส ทัวริส (ประเทศไทย) จำกัด ดำเนินธุรกิจทัวร์อินบาวนด์จากประเทศรัสเซียเข้ามาประเทศไทย กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่จัดทัวร์จากประเทศรัสเซียเข้ามาประเทศไทยในระยะ 4 ปีที่ผ่านมามองเห็นปัญหาของประเทศไทยอย่างมากมาย ที่สำคัญคือ หน่วยงานรัฐและผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยยังไม่รู้จักธรรมชาติของตลาดนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย เริ่มจากความเข้าใจ และการพูดภาษารัสเซียมีน้อยมาก เพียง 2% ของคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหมด ซึ่งต่างจากประเทศเวียดนามซึ่งคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของเขา 70% รู้และเข้าใจภาษารัสเซีย ในเรื่องของระบบจัดการบริการก็เช่นกัน เพราะนักท่องเที่ยวรัสเซียจะอยู่นานเฉลี่ยมากกว่า 2
สัปดาห์ ใช้จ่ายเฉพาะชอปปิ้ง และอื่นๆ ไม่รวมค่าที่พักเฉลี่ยราว 6 หมื่นบาทต่อคน ต่อทริป แต่ก็ยังไม่มีเมนูอาหารที่เป็นของรัสเซียไว้ต้อนรับ เป็นต้น
“ปีที่ผ่านมาชาวรัสเซียเดินทางเข้ามากว่า 1 ล้านคน ในที่นี้กว่า 50% ผ่านบริษัททัวร์ของปิกัส ซึ่งการเติบโตของตลาดรัสเซียมาจากปัจจัยภายนอก เพราะประเทศอื่นๆ อย่างตะวันออกกลางมีปัญหาการเมืองทำให้บริษัททัวร์ต้องหันมานำเสนอประเทศไทย แต่ยังเป็นอันดับ 4 ของชาวรัสเซียที่เดินทางออกนอกประเทศ โดยอันดับ 1 คือตุรกี รองมาคืออียิปต์ ซึ่งยอมรับว่าไทยมีจุดแข็งคือความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว แสงแดดและทะเล แต่ยังขาดเรื่องบริการ เพราะเท่าที่เห็นยังไม่ใส่ใจที่จะเข้าถึงพฤติกรรมนักท่องเที่ยวรัสเซียเท่าที่ควร และหากไม่พัฒนา เชื่อว่าเมื่อเปิดเออีซีไทยมีโอกาสสูญเสียตลาดนี้”
นายกูบิไลย์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาประสานการทำงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยมาโดยตลอดซึ่งทำได้ดีมาก แต่สิ่งที่ควรปรับคือการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่ควรจะใส่ใจอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมากกว่านี้ โดยเฉพาะปัญหาการหลอกลวงนักท่องเที่ยวที่ยังมีให้เห็นอีกมาก เช่นการขายสินค้าราคาแพงเกินจริง เป็นต้น แต่ดูเหมือนรัฐบาล รัฐมนตรีไม่ได้ใส่ใจแก้ปัญหาเท่าที่ควร เชื่อว่าหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ในส่วนของตลาดรัสเซียจะเติบโตแบบก้าวกระโดจากที่เป็นอยู่ ขณะที่ภาคเอกชนท่องเที่ยวก็ควรที่จะตื่นตัวกับทุกสิ่งตามความเป็นจริง โดยตลาดรัสเซีย 6เดือนปีนี้เติบโตจากปีก่อนราว 18%
***หาพันธมิตรสร้างเครือข่าย
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ประธานสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส กล่าวว่า ในส่วนของบริษัท ภายหลังเปิดเออีซีจะเห็นภาพของความร่วมมือกับสายการบินอื่นๆ เพิ่มขึ้นเพื่อสร้างโครงข่ายทางการบินให้มีความถี่มากขึ้น ล่าสุดได้จับมือกับมาเลเซียแอร์ไลน์ ในการส่งต่อลูกค้าให้แก่กัน หรือโคชแชร์ นอกจากนั้นยังเป็นเรื่องของโอกาสในการขายธุรกิจเนื่องจากเปิดเออีซีก็จะลดกำแพงภาษีลงช่วยให้ทำตลาดเชิงรุกในการไปลงทุนต่างประเทศได้ แต่ทั้งนี้ การแข่งขันของแอร์ไลน์ก็ยังเข้มข้นมากขึ้นด้วย ซึ่งบางกอกแอร์ฯ ไม่มีนโยบายขยายหรือเพิ่มสนามบินที่มีอยู่ แต่ขอแนะนำให้รัฐบาล นำสนามบินที่มีอยู่เกือบ 60 แห่งทั่วประเทศมาพัฒนาให้เป็นสนามบินพาณิชย์รองรับนักท่องเที่ยวด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทกำลังศึกษาสายการบินที่จะเป็นไฟติ้งแบรนด์ ทำตลาดในเซกเมนต์เดียวกันกับสายการบินโลว์คอสต์ซึ่งกำลังเติบโตสูง ส่วนความคืบหน้าการเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว คาดว่าจะนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ส่วนปลายปีจะเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ-หลวงพระบาง
***เปลี่ยนคู่แข่งเป็นคู่ค้า เพิ่มอำนาจต่อรอง
นายพิศิฐ รัตนเชตกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิลเลียน เดสติเนชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเที่ยวอินบาวนด์จากประเทศอินเดีย กล่าวว่า จากนี้ไปจนถึงการเปิดเออีซีจะเห็นการรวมตัวของกลุ่มธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อเพิ่มอำนาจการต่อรองกับประเทศคู่ค้า ทั้งจากกลุ่มอียู กลุ่มนาฟตา และแม้แต่ในตลาดอินเดีย โดยการรวมกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มระดับอาเซียน
อย่างเช่น จากสมาคมโรงแรมไทย ก็จะเป็นสมาคมโรงแรมอาเซียน เป็นต้น และไทยควรใช้จุดแข็งเรื่องที่ตั้งประเทศซึ่งเป็นโลเกชันที่ดีเป็นศูนย์กลางของอาเซียนให้เกิดประโยชน์สูงสุด สนับสนุนการเดินทางแบบเชื่องโยงไปยังประเทศอื่นๆ ที่สำคัญรัฐต้องเร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะเส้นทางคมนาคมให้มีความสะดวก เชื่อมโยงในประเทศและกลุ่มอาเซียน ส่วนตลาดอินเดียต้องการให้ภาครัฐเข้าไปสร้างการรับรู้ในเมืองรองซึ่งมีกำลังซื้อไม่น้อยกว่าเมืองหลักหรือเมืองหลวง เช่น แคว้นโอริสสา
***นักท่องเที่ยวระดับกลางยังเป็นตลาดใหญ่
นายบิลล์ เบอเน็ทท์ กรรมการผู้จัดการ C9 Hotelworks Co.,Ltd กล่าวว่า นักท่องเที่ยวระดับกลางยังเป็นกลุ่มใหญ่ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อเปิดเออีซี รวมถึงจีน และอินเดีย เห็นได้จากปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาภูเก็ต 25% มาจากรัสเซีย และจีน ส่งผลให้ภูเก็ตไม่มีโลว์ซีซัน ส่วนของภาครัฐควรต้องวางแผนการขยายสนามบินแยกตามเฟสและเดินหน้าตามแผนอย่างจริงจัง เพราะแม้ไทยจะมีจุดแข็งเรื่องโรงแรมดี ราคาคุ้มค่า แต่หากการเดินทางไม่พร้อมก็คงมีปัญหา ซึ่งที่ผ่านมาจุดเสียของไทยคือขาดการวางแผนระยะยาว