ททท.ผนึก 6 แบงก์ระเบิดโครงการ Redeem Travel Fair 2012 ดึงลูกค้าบัตรเครดิตใช้คะแนนสะสมแลกสินค้าท่องเที่ยวครั้งแรกในเอเชีย หวังกระตุ้นการเดินทางของคนไทยช่วงโลว์ซีซัน คาดเงินสะพัดกว่า 200 ล้านบาท คุย 7 เดือนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่ม 8% มั่นใจถึงสิ้นปีทะลุ 20 ล้านคนตามเป้าหมาย
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับพันธมิตรกลุ่มธนาคารจัดโครงการ Redeem Travel Fair 2012 ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ย. 55 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยลูกค้าบัตรเครดิตของ 6 ธนาคารที่เข้าร่วม ได้แก่ กสิกรไทย กรุงเทพ ซิตี้แบงก์ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ยูโอบี และธนชาต สามารถนำคะแนนสะสมมาแลกรับของรางวัลภายในงาน เช่น ห้องพักโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า บัตรรับประทานอาหาร ตลอดจนสินค้าและบริการท่องเที่ยวต่างๆ ที่บูท Point Plus Play Center หรือสามารถคลิก www.redeemtravelfair.com เพื่อนำคะแนนสะสมแลกสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวได้เช่นกัน โดยกิจกรรมในเว็บไซต์จะเริ่มตั้งแต่ 17-30 ก.ย. 55
โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ศกนี้ โดยทั้ง 6 ธนาคารที่เข้าร่วมมีฐานลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตรวมกว่า 5 ล้านคน ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1 แสนคน เกิดรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งที่พักและการจับจ่ายไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท และถือเป็นครั้งแรกในเอเชียที่จัดงานแฟร์โดยใช้คะแนนสะสมในการจับจ่ายแทนเงินสด
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 7 เดือนแรกปีนี้เติบโต 8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และครึ่งปีหลังนี้จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ซึ่งการท่องเที่ยวจะคึกคักขึ้น จึงมั่นใจว่าถึงสิ้นปีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมจะได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เป็นไปตามเป้าที่ ททท.วางไว้ว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 20.568 ล้านคน เติบโตจากปีก่อน 7% สร้างรายได้กว่า 8.3 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9%
ทั้งนี้ มั่นใจว่าประเทศไทยยังเป็นเดสติเนชันยอดนิยมในสายตานักท่องเที่ยวเพราะมีความคุ้มค่าเงิน เพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย จึงไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปมากนัก มีเพียงนักท่องเที่ยวจากตลาดสเปนและกรีซที่ลดลงเล็กน้อย ซึงก็เป็นตลาดเล็ก ขณะที่ตลาดใหญ่อย่าง รัสเซีย อินเดีย และจีนมีการเติบโตสูง
นอกจากนั้น การเรียนรู้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ปรับเปลี่ยนมาใช้ช่องทางการรับรู้ข่าวสารด้านการท่องเที่ยวและเดินทางผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ททท.ก็ต้องปรับการใช้สื่อโฆษณาให้เหมาะสม
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ร่วมกับพันธมิตรกลุ่มธนาคารจัดโครงการ Redeem Travel Fair 2012 ระหว่างวันที่ 14-16 ก.ย. 55 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดยลูกค้าบัตรเครดิตของ 6 ธนาคารที่เข้าร่วม ได้แก่ กสิกรไทย กรุงเทพ ซิตี้แบงก์ สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด ยูโอบี และธนชาต สามารถนำคะแนนสะสมมาแลกรับของรางวัลภายในงาน เช่น ห้องพักโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน รถเช่า บัตรรับประทานอาหาร ตลอดจนสินค้าและบริการท่องเที่ยวต่างๆ ที่บูท Point Plus Play Center หรือสามารถคลิก www.redeemtravelfair.com เพื่อนำคะแนนสะสมแลกสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวได้เช่นกัน โดยกิจกรรมในเว็บไซต์จะเริ่มตั้งแต่ 17-30 ก.ย. 55
โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวของคนไทยในช่วงเดือนกันยายนถึงตุลาคม ศกนี้ โดยทั้ง 6 ธนาคารที่เข้าร่วมมีฐานลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตรวมกว่า 5 ล้านคน ตั้งเป้าจะมีผู้เข้าชมงานไม่น้อยกว่า 1 แสนคน เกิดรายได้เข้าสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งที่พักและการจับจ่ายไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท และถือเป็นครั้งแรกในเอเชียที่จัดงานแฟร์โดยใช้คะแนนสะสมในการจับจ่ายแทนเงินสด
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 7 เดือนแรกปีนี้เติบโต 8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และครึ่งปีหลังนี้จะเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ซึ่งการท่องเที่ยวจะคึกคักขึ้น จึงมั่นใจว่าถึงสิ้นปีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมจะได้ไม่ต่ำกว่า 20 ล้านคน เป็นไปตามเป้าที่ ททท.วางไว้ว่าปีนี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 20.568 ล้านคน เติบโตจากปีก่อน 7% สร้างรายได้กว่า 8.3 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 9%
ทั้งนี้ มั่นใจว่าประเทศไทยยังเป็นเดสติเนชันยอดนิยมในสายตานักท่องเที่ยวเพราะมีความคุ้มค่าเงิน เพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย จึงไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปมากนัก มีเพียงนักท่องเที่ยวจากตลาดสเปนและกรีซที่ลดลงเล็กน้อย ซึงก็เป็นตลาดเล็ก ขณะที่ตลาดใหญ่อย่าง รัสเซีย อินเดีย และจีนมีการเติบโตสูง
นอกจากนั้น การเรียนรู้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ปรับเปลี่ยนมาใช้ช่องทางการรับรู้ข่าวสารด้านการท่องเที่ยวและเดินทางผ่านระบบออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ททท.ก็ต้องปรับการใช้สื่อโฆษณาให้เหมาะสม
