ไทยเนื้อหอมต่างชาติหอบเงินลงทุนหลังเศรษฐกิจโลกป่วน เดือน ส.ค. 55 อนุญาตเพิ่ม 34 ราย เม็ดเงินไหลเข้า 1,500 ล้านบาท เพิ่มจ้างงานพันราย
นายอิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยเดือน ส.ค.55 จำนวน 34 ราย มีเงินทุนที่ใช้ประกอบธุรกิจมากกว่า 1,445 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทย 941 ราย โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ ธุรกิจสำนักงานผู้แทน และธุรกิจค้าส่ง
“ยอดธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 13% มีเงินทุนเพิ่มขึ้น 708 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ส.ค. 54 มีธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นถึง 55% ขณะที่การอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยรอบ 8 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 55 มีแล้ว 218 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนว่าชาวต่างชาติยังเชื่อมั่นลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และสหรัฐฯ ยังทำให้เงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นายอิทธิพลกล่าวว่า รายละเอียดของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ ธุรกิจบริการ 21 ราย คิดเป็น 61% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 1,246 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้แก่บริษัทในเครือเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน รับค้ำประกันหนี้ บริการทางบัญชี บริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ การบริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนและเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีประเทศที่เข้ามาลงทุนได้แก่ จีน บริติช เวอร์จิน ไอซ์แลนด์ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ และฮ่องกง
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสำนักงานผู้แทน 8 ราย คิดเป็น 24% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 26 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การจำหน่าย การลงทุน การตลาด ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยให้สำนักงานใหญ่ทราบ โดยมีประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์
ส่วนธุรกิจคู่สัญญากับภาครัฐ รัฐวิสาหกิจมี 2 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 144 ล้านบาท ได้แก่ บริการจัดหาและติดตั้งระบบควบคุมสถานีไฟฟ้าย่อยอัตโนมัติให้แก่การไฟฟ้านครหลวง และบริการจัดหา ก่อสร้าง และติดตั้งสายส่งไฟฟ้าแรงสูง สำหรับโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประเทศที่เข้ามาลงทุนได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และญี่ปุ่น ที่เหลือเป็นธุรกิจค้าส่ง 2 ราย มีเงินลงทุน 13 ล้านบาท เพื่อทำการค้าส่งอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งประเภทขนมปังและขนมอบจากฝรั่งเศส และมาเลเซีย และธุรกิจค้าปลีก 1 ราย มีเงินลงทุน 16 ล้านบาท ได้แก่ การค้าปลีกเครื่องจักร เครื่องกลจากสิงคโปร์
นายอิทธิพล ช้างหลำ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการฯ อนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในไทยเดือน ส.ค.55 จำนวน 34 ราย มีเงินทุนที่ใช้ประกอบธุรกิจมากกว่า 1,445 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทย 941 ราย โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เป็นธุรกิจบริการ ธุรกิจสำนักงานผู้แทน และธุรกิจค้าส่ง
“ยอดธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 13% มีเงินทุนเพิ่มขึ้น 708 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับเดือน ส.ค. 54 มีธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้นถึง 55% ขณะที่การอนุญาตให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจในประเทศไทยรอบ 8 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 55 มีแล้ว 218 ราย เงินลงทุนทั้งสิ้น 6,573 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนว่าชาวต่างชาติยังเชื่อมั่นลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป และสหรัฐฯ ยังทำให้เงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”
นายอิทธิพลกล่าวว่า รายละเอียดของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ได้แก่ ธุรกิจบริการ 21 ราย คิดเป็น 61% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 1,246 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบริการให้แก่บริษัทในเครือเกี่ยวกับการให้กู้ยืมเงิน รับค้ำประกันหนี้ บริการทางบัญชี บริการให้คำปรึกษาแนะนำและบริหารจัดการ การบริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนและเครื่องจักรที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีประเทศที่เข้ามาลงทุนได้แก่ จีน บริติช เวอร์จิน ไอซ์แลนด์ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส สิงคโปร์ และฮ่องกง
นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจสำนักงานผู้แทน 8 ราย คิดเป็น 24% ของธุรกิจที่ได้รับอนุญาต มีเงินลงทุน 26 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวทางธุรกิจเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจ การผลิต การจำหน่าย การลงทุน การตลาด ตลอดจนความต้องการใช้สินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทยให้สำนักงานใหญ่ทราบ โดยมีประเทศที่เข้ามาลงทุน ได้แก่ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์
ส่วนธุรกิจคู่สัญญากับภาครัฐ รัฐวิสาหกิจมี 2 ราย มีเงินลงทุนจำนวน 144 ล้านบาท ได้แก่ บริการจัดหาและติดตั้งระบบควบคุมสถานีไฟฟ้าย่อยอัตโนมัติให้แก่การไฟฟ้านครหลวง และบริการจัดหา ก่อสร้าง และติดตั้งสายส่งไฟฟ้าแรงสูง สำหรับโครงการระบบส่งเพื่อรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนหงสาลิกไนต์ให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ประเทศที่เข้ามาลงทุนได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และญี่ปุ่น ที่เหลือเป็นธุรกิจค้าส่ง 2 ราย มีเงินลงทุน 13 ล้านบาท เพื่อทำการค้าส่งอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งประเภทขนมปังและขนมอบจากฝรั่งเศส และมาเลเซีย และธุรกิจค้าปลีก 1 ราย มีเงินลงทุน 16 ล้านบาท ได้แก่ การค้าปลีกเครื่องจักร เครื่องกลจากสิงคโปร์
