xs
xsm
sm
md
lg

สศอ.เผยผลศึกษาพบ 14 กลุ่มอุตฯ ไทยโคม่าหลังเข้า AEC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอิทธิชัย ยศศรี
สศอ.เปิดผลศึกษาการเช็กสภาพอุตสาหกรรมไทยหลังเข้าสู่ AEC เทียบกับ 4 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ พบ 36 กลุ่มอุตสาหกรรมไทยอยู่ในขั้นป่วยต้องได้รับการรักษา โดยพบป่วยหนัก 14 กลุ่มฯ เช่น ปุ๋ย เครื่องหนัง รองเท้า เครื่องดนตรี เป็นต้น

นายอิทธิชัย ยศศรี ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า สศอ.ได้ทำการศึกษาความได้เปรียบทางการค้าของสินค้าอุตสาหกรรมของไทยภายหลังการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปี 2558 เปรียบเทียบกับสินค้าอุตสาหกรรมอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ พบว่าไทยมี 36 กลุ่มอุตสาหกรรมจัดอยู่ในประเภทป่วยที่ต้องได้รับการรักษา และเมื่อเทียบกับ 4 ประเทศ พบอินโดฯ มี 61 กลุ่ม ฟิลิปปินส์มี 43 กลุ่ม สิงคโปร์มี 42 กลุ่ม และมาเลเซียมี 17 กลุ่ม

ทั้งนี้ 36 กลุ่มอุตสาหกรรมของไทยที่จัดอยู่ในประเภทป่วยแยกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 พบความผิดปกติหรือจัดอยู่ในเกณฑ์ที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันลดลงกับประเทศในอาเซียนซึ่งประกอบด้วย 13 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เคมีภัณฑ์อินทรีย์ ผลิตภัณฑ์จากยางพารา กระดาษและกระดาษแข็ง ผลิตภัณฑ์เซรามิก เครื่องจักร/เครื่องกล/ลอยเลอร์ อากาศยาน/ยานอวกาศ อาวุธและกระสุน เป็นต้น

กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่อยู่ในอาการกำเริบ หรือมีความสูญเสียความได้เปรียบทางการแข่งขันมีทั้งสิ้น 9 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เหล็กและเหล็กกล้า เฟอร์นิเจอร์ หนังเฟอร์/เฟอร์เทียม เยื่อไม้หรือเยื่อที่ได้จากเส้นใยเซลลูโลสอื่นๆ ขนแกะ/ผ้าทอ เส้นใยสิ่งทอจากพืช/ด้ายกระดาษ ร่ม/ร่มปักกันแดด เป็นต้น

กลุ่มที่ 3 กลุ่มที่ป่วยหนัก หรือจัดอยู่ในเกณฑ์ที่มีความเสียเปรียบมากขึ้น มีทั้งสิ้น 14 กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น เชื้อเพลิงจากแร่/น้ำมันแร่ ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม ปุ๋ย เครื่องหนัง เคมีภัณฑ์เบ็ดเตล็ด ไข่มุกธรรมชาติ/รัตนชาติ ทองแดงและของทำด้วยทองแดง นิกเกิลและของที่ทำด้วยนิกเกิล รองเท้า สนับแข้งและของที่คล้ายกัน เครื่องดนตรี เป็นต้น

สำหรับอุตสาหกรรมไทยที่มีความได้เปรียบมากขึ้นมีทั้งสิ้น 16 กลุ่ม เช่น ยานยนต์และส่วนประกอบ พลาสติกและของที่ทำด้วยพลาสติก หนังดิบและหนังฟอก เรือและสิ่งก่อสร้างลอยน้ำ แก้วและเครื่องแก้ว ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเหล็กและเหล็กกล้า พรมและสิ่งทอปูพื้นต่างๆ เส้นใยสั้นประดิษฐ์ ฝ้าย เป็นต้น ซึ่งเมื่อเทียบกับ 4 ประเทศจะพบว่าไทยมีจำนวนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้เปรียบมากขึ้นเป็นอันดับ 2 รองจากมาเลเซียที่มี 17 กลุ่ม ส่วนสิงคโปร์มี 13 กลุ่ม อินโดนีเซียมี 6 กลุ่ม และฟิลิปปินส์มี 5 กลุ่ม
กำลังโหลดความคิดเห็น