บีโอไอเผยยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในช่วง 7 เดือน มูลค่ากว่า 332,205 ล้านบาท ชี้นักลงทุนรายเดิมแห่ขยายกิจการมูลค่ารวม 256,775 ล้านบาท ด้านญี่ปุ่นลงทุนในไทยมากที่สุด กระจายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ขณะที่สิงคโปร์ เนเธอร์แลนด์ สหรัฐฯ กลุ่มใหญ่ลงทุนมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI) ช่วง 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม 2555) ว่า นักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจต่อการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยมีโครงการยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนทั้งสิ้น 829 โครงการ เงินลงทุนรวม 332,205 ล้านบาท จำนวนโครงการขยายตัวเพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีจำนวน 599 โครงการ ขณะที่มูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 62% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 205,196 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ ส่วนใหญ่ หรือ 71% เป็นการลงทุนขยายการลงทุนจากโครงการเดิม โดยมีจำนวน 585 โครงการ เงินลงทุน 256,775 ล้านบาท และเป็นโครงการลงทุนใหม่ จำนวน 244 โครงการ เงินลงทุน 63,430 ล้านบาท
“ทิศทางการขยายการลงทุนของต่างชาติในประเทศไทยสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อศักยภาพการเป็นแหล่งรองรับการลงทุนของไทยและเป็นศูนย์กลางการผลิตของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งเป็นการเข้ามาลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 และส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายการผลิตภายหลังการฟื้นตัวจากการเผชิญปัญหาน้ำท่วม” นางอรรชกากล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติกระจายในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มที่นักลงทุนสนใจลงทุนสูงสุดคือ ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง จำนวน 281 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 122,255 ล้านบาท รองมาเป็น กิจการอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า 171 โครงการ เงินลงทุน 81,326 ล้านบาท กิจการบริการและสาธารณูปโภค 160 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 54,724 ล้านบาท กิจการเคมีภัณฑ์ กระดาษ และพลาสติก 114 โครงการ เงินลงทุน 31,524 ล้านบาท และกิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร 43 โครงการ เงินลงทุน 18,380 ล้านบาท
ประเทศที่เข้ามาลงทุนสูงสุด ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น มีจำนวน 474 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 210,884 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 120% หรือขยายตัวประมาณ 1.2 เท่าจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าอยู่ที่ 97,338 ล้านบาท ส่วนการลงทุนที่มีมูลค่าระดับหมื่นล้านบาทจากกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย สิงคโปร์ 78 โครงการ เงินลงทุน 19,079 ล้านบาท เนเธอร์แลนด์ 21 โครงการ เงินลงทุน 17,237 ล้านบาท สหรัฐอเมริกา 27 โครงการ เงินลงทุน 13,355 ล้านบาท ฮ่องกง 27 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 12,808 ล้านบาท มาเลเซีย 18 โครงการ เงินลงทุน 11,832 ล้านบาท จีน 21 โครงการ เงินลงทุน 11,550 และออสเตรเลีย 17 โครงการ เงินลงทุน 10,295 ล้านบาท