เอ็กโซติคแตกไลน์เครื่องดื่มชา กาแฟ อาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทานเสริมทัพลุยตลาดต่างประเทศ เร่งเครื่องขยายตลาดบราซิล-รัสเซีย โอดได้รับผลกระทบจากค่าเงินยูโรลดลง จ่อปรับราคาสินค้า สิ้นปีรายได้ 20% หลังจากปีที่ผ่านมากวาดกว่า 500 ล้านบาท
นางสาววาสนา จันทรัช รองประธานกรรมการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องปรุงและส่วนประกอบอาหารไทยแบรนด์เอ็กโซติค เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทผลิตซอสและเครื่องปรุงรสส่งออกมาร่วม 12 ปี โดยปัจจุบันมีสินค้าร่วม 200 รายการ มีสินค้าทั้งหมด 8 แบรนด์หลัก เช่น เอ็กโซติค, COCO LOTO, Thai Pride ฯลฯ วางโพซิชันนิ่งเป็นสินค้าที่มีราคาระดับกลางและสินค้าเครื่องปรุงหรือซอสต่างๆ ใกล้เคียงกับบลูเอเลเฟ่นท์ ซึ่งบริษัทส่งออกไป 62 ประเทศทั่วโลก ผ่านผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าไปจำหน่ายในแต่ละประเทศ
ล่าสุดบริษัทได้วางแผนแตกไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มชา กาแฟบรรจุภัณฑ์กระป๋อง และอาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์เอ็กโซติค ทั้งนี้เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการลดเวลาในการประกอบอาหารลง โดยเน้นกลุ่มสินค้าที่มาจากธรรมชาติ ขณะนี้ได้ลงทุนสั่งซื้อเครื่องผลิตเครื่องดื่มมา 1 ไลน์ ที่โรงงานแหลมฉบังซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดีจะขยายกำลังการผลิตเพิ่ม หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ผลิตเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว น้ำว่านหางจระเข้ มีสินค้า 15 รายการ โดยเครื่องดื่มชา กาแฟเริ่มวางในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
สำหรับปีนี้บริษัทเริ่มขยายตลาดในอเมริกาใต้ เช่น บราซิล และโรดโชว์สินค้าที่ประเทศรัสเซีย ส่วนผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากไลฟ์สไตล์คนยุโรปชอบทำอาหารมากกว่าคนอเมริกัน แต่บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินยูโรที่ลดลงบ้าง ซึ่งขณะนี้จะแจ้งลูกค้าทยอยปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนภายในประเทศ สินค้าของบริษัทวางจำหน่ายที่สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม ฯลฯ โดยยอดขายในประเทศสัดส่วน 1% เท่านั้น ที่เหลือ 99% เป็นส่งออก
ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มสร้างโรงงานขึ้นหลังจากดำเนินธุรกิจได้ 3 ปี ก่อนหน้านี้จะเป็นการจ้างบริษัทอื่นเป็นผู้ผลิตให้ อย่างไรก็ตาม ผลจากวัตถุดิบที่ขาดแคลนอย่างมะพร้าว บริษัทจึงต้องให้ความสำคัญต่อแหล่งการผลิตที่เป็นต้นน้ำมากขึ้น หลังจากนี้บริษัทจะเน้นทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้ามากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่วัตถุดิบขาดแคลน
สำหรับเป้าหมายในอนาคตบริษัทต้องการสร้างแบรนด์เอ็กโซติคให้อยู่ในใจกลุ่มเป้าหมายคนต่างประเทศ เมื่อคิดถึงอาหารไทยต้องคิดถึงแบรนด์เอ็กโซติคเป็นอันดับแรก สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าโต 20% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท
นางสาววาสนา จันทรัช รองประธานกรรมการ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเครื่องปรุงและส่วนประกอบอาหารไทยแบรนด์เอ็กโซติค เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทผลิตซอสและเครื่องปรุงรสส่งออกมาร่วม 12 ปี โดยปัจจุบันมีสินค้าร่วม 200 รายการ มีสินค้าทั้งหมด 8 แบรนด์หลัก เช่น เอ็กโซติค, COCO LOTO, Thai Pride ฯลฯ วางโพซิชันนิ่งเป็นสินค้าที่มีราคาระดับกลางและสินค้าเครื่องปรุงหรือซอสต่างๆ ใกล้เคียงกับบลูเอเลเฟ่นท์ ซึ่งบริษัทส่งออกไป 62 ประเทศทั่วโลก ผ่านผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้าไปจำหน่ายในแต่ละประเทศ
ล่าสุดบริษัทได้วางแผนแตกไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มชา กาแฟบรรจุภัณฑ์กระป๋อง และอาหารกึ่งสำเร็จรูปพร้อมรับประทานภายใต้แบรนด์เอ็กโซติค ทั้งนี้เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการลดเวลาในการประกอบอาหารลง โดยเน้นกลุ่มสินค้าที่มาจากธรรมชาติ ขณะนี้ได้ลงทุนสั่งซื้อเครื่องผลิตเครื่องดื่มมา 1 ไลน์ ที่โรงงานแหลมฉบังซึ่งหากได้รับการตอบรับที่ดีจะขยายกำลังการผลิตเพิ่ม หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ผลิตเครื่องดื่มน้ำมะพร้าว น้ำว่านหางจระเข้ มีสินค้า 15 รายการ โดยเครื่องดื่มชา กาแฟเริ่มวางในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้
สำหรับปีนี้บริษัทเริ่มขยายตลาดในอเมริกาใต้ เช่น บราซิล และโรดโชว์สินค้าที่ประเทศรัสเซีย ส่วนผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรปบริษัทไม่ได้รับผลกระทบมากนักเนื่องจากไลฟ์สไตล์คนยุโรปชอบทำอาหารมากกว่าคนอเมริกัน แต่บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินยูโรที่ลดลงบ้าง ซึ่งขณะนี้จะแจ้งลูกค้าทยอยปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ส่วนภายในประเทศ สินค้าของบริษัทวางจำหน่ายที่สยามพารากอน ดิเอ็มโพเรียม ฯลฯ โดยยอดขายในประเทศสัดส่วน 1% เท่านั้น ที่เหลือ 99% เป็นส่งออก
ทั้งนี้ บริษัทได้เริ่มสร้างโรงงานขึ้นหลังจากดำเนินธุรกิจได้ 3 ปี ก่อนหน้านี้จะเป็นการจ้างบริษัทอื่นเป็นผู้ผลิตให้ อย่างไรก็ตาม ผลจากวัตถุดิบที่ขาดแคลนอย่างมะพร้าว บริษัทจึงต้องให้ความสำคัญต่อแหล่งการผลิตที่เป็นต้นน้ำมากขึ้น หลังจากนี้บริษัทจะเน้นทำสัญญาซื้อขายผลผลิตล่วงหน้ามากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงในกรณีที่วัตถุดิบขาดแคลน
สำหรับเป้าหมายในอนาคตบริษัทต้องการสร้างแบรนด์เอ็กโซติคให้อยู่ในใจกลุ่มเป้าหมายคนต่างประเทศ เมื่อคิดถึงอาหารไทยต้องคิดถึงแบรนด์เอ็กโซติคเป็นอันดับแรก สำหรับผลประกอบการปีนี้ตั้งเป้าโต 20% จากในปีที่ผ่านมามีรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท