ปรับโครงสร้างการบินไทย แยกฝ่ายประชาสัมพันธ์ลดอำนาจเด็ก “ปิยสวัสดิ์”

บอร์ดการบินไทยปรับโครงสร้าง โยกเนื้องานฝ่ายประชาสัมพันธ์ ลดบทบาทเด็ก “ปิยสวัสดิ์” คุมแค่โซเชียลเน็ตเวิร์ก “โชคชัย” ระบุเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการดูแลลูกค้าผ่านสังคมออนไลน์ลดต้นทุน เผยรายได้ครึ่งปีแรกหลุดเป้า 3% เร่งแผนระยะเร่งด่วนดันรายได้ครึ่งปี คงเป้าทั้งปี 2 แสนล้านบาท

นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบการปรับโครงสร้างบริษัทและอำนาจหน้าที่ตามข้อเสนอของฝ่ายบริหาร ในส่วนของฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ (D4) ซึ่งมีนางสุนัที อิศวพรชัย เป็นผู้อำนวยการใหญ่ และฝ่ายประสานการเดินทางลูกค้าพิเศษ (D5) ซึ่งมีนางนารีลักษณ์ วิมุกตานนท์ เป็นผู้อำนวยการใหญ่เดิม โดยจะมีการปรับหน้าที่ความรับผิดชอบของ D4 เปลี่ยนชื่อเป็นฝ่ายพัฒนาธุรกิจอีคอมเมิร์ซ รับผิดชอบเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด โดยขึ้นตรงต่อนายธีรพล โชติธนาภิบาล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายผลิตภัณฑ์และบริการลูกค้า และโอนงานเดิมคือด้านประชาสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกองค์กร กิจกรรมสังคม (CSR) ไปอยู่ในความรับผิดชอบของ D5 แทน ซึ่งจะมีการสรรหาผู้อำนวยการใหญ่คนใหม่แทนคนเดิมที่จะเกษียณอายุเดือนกันยายนนี้

รายงานข่าวแจ้งว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าวเป็นการลดงานในความรับผิดชอบของ D4 เดิมซึ่งมีนางสุนัที อิศวพรชัย เป็นผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายสื่อสารองค์กรและประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทยที่ถูกเลิกจ้างก่อนครบสัญญา

นายโชคชัยยืนยันว่า การปรับโครงสร้างดังกล่าวไม่มีใครถูกแขวน ไม่มีการลดคน มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้การดำเนินงานบริหารงานสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป โดยมุ่งเน้นการดูแลลูกค้าผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยในช่วง 3 ปีนี้การบินไทยจะไม่มีการเพิ่มจำนวนบุคลากรอีก ยกเว้นตำแหน่งนักบิน และลูกเรือ ซึ่งจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสมเพื่อเป็นการลดต้นทุนการให้บริการ

“พนักงานทั้งหมดของการบินไทยมีประมาณ 25,000 คน เป็นนักบิน 1,500 คน ลูกเรือ 6,500 คน ส่วนนี้จะปรับเพิ่มตามจำนวนเครื่องบินที่เพิ่มขึ้นเพราะถือเป็นส่วนที่เพิ่มรายได้” นายโชคชัยกล่าว

นายโชคชัยกล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2555 ที่ 2 แสนล้านบาท ซึ่งมีแผนระยะเร่งด่วนในการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งผลดำเนินงานในเดือนกรกฎาคมมีผู้โดยสารจำนวน 1.74 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 1.67 ล้านคน มีอัตราส่วนการบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ย 79.8% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 77.2% ส่วนกำไรถือว่าสูงกว่าเป้าหมาย แต่หากรวมตลอดทั้ง 6 เดือนแรกของปีนี้ยังถือว่าต่ำกว่าเป้าหมาย คาดว่าไตรมาส 3-4 จะดีขึ้นเนื่องจากบริหารจัดการราคาน้ำมันได้ดี โดยทำประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน (Heging) ถึงสิ้นปีประมาณ 80-90% และช่วง 6 เดือนแรกปี 2556 Heging ไว้อีก 40%
 
ทั้งนี้ บริษัทจะใช้การบินไทยสมายล์เป็นยุทธศาสตร์หลัก ซึ่งในปีนี้จะเพิ่มอีก 2 เส้นทาง คือ สุราษฎร์ธานี และกระบี่ โดยจะนำเครื่องบินของการบินไทยที่ให้บริการในเส้นทางดังกล่าวไปให้บริการในเส้นทางประเทศพม่าแทน เนื่องจากในเส้นทางประเทศพม่ามีความต้องการใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่วนภาพรวมผู้โดยสารที่ใช้บริการยังอยู่ในเกณฑ์ดีทั้งเส้นทางในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงตลาดยุโรป ที่ถึงแม้จะมีการแข่งขันสูงแต่ยังมีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน และจะมีการปรับเพิ่มที่นั่งเพื่อเพิ่มรายได้ของการบินไทยให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นายโชคชัยกล่าวว่า โดยปกติเป้าหมายรายได้ในช่วง 6 เดือนแรกกำหนดไว้ที่ 1 แสนล้านบาทและครึ่งปีหลังอีก 1 แสนล้านบาท แต่ผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกต่ำกว่าเป้าหมายประมาณ 3% ดังนั้นในครึ่งปีหลังจะต้องพยายามดำเนินงานเพื่อให้ผลประกอบการไปตามเป้าหมาย และบริษัทยังตั้งเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนที่นั่ง 30% ภายใน 3 ปี (2556-2558) หรือเฉลี่ยปีละ 10% ซึ่งจะส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี

สำหรับเครื่องบินใหม่ แอร์บัส A380 ที่จะรับมอบในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้จะนำไปให้บริการในเส้นทางสิงคโปร์ และฮ่องกง เพราะมีจำนวนผู้โดยสารเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ส่วนลำที่ 2 ที่จะเข้ามาในเดือนพฤศจิกายน จะเปิดบินในเส้นทางแฟรงก์เฟิร์ต โดยมั่นใจว่าการนำเครื่องใหม่มาจะสามารถบริหารจัดการได้ดีมากยิ่งขึ้นเพราะมีจำนวนที่นั่งมากถึง 507 ที่นั่ง