เซเรบอสเปิดศึกฟังก์ชันนัลดริงก์ อัดกว่า 50 ล้านบาทรุกแบรนด์เม็ด รับตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับสมองบูม หลังฟังก์ชันนัลดริงก์จุดพลุดันตลาดโต 15% สิ้นปียอดขายโต 15% กวาด 500 ล้านบาท
นายบุญเลิศ สุขเสรีทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ด เปิดเผยว่า สภาพตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ดมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้เติบโต 15% และคาดปีนี้โต 15% โดยเฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับสมองเป็นเซกเมนต์ที่เติบโตดีมาก พบว่ายอดขายแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ดมีการเติบโต 15% เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดที่ผู้บริโภคห่วงและต้องการดูแล ปกป้องมากที่สุดสูงถึง 82% ซึ่งเป็นข้อมูลจากศูนย์วิจัยด้านสมองของแบรนด์ครอบคลุม 8 ประเทศในเอเชีย
“ที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับสมองเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟังก์ชันนัลดริงก์ผลักดันให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้น มีกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคเองก็มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี”
บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทในการทำตลาดแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ด สูตรวิตามินบี คอมเพล็กซ์ พร้อมกับงัดกลยุทธ์นำบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการหรือที่มีความรู้มาเป็นแอมบาสซาเดอร์ให้แก่แบรนด์เป็นคนที่ 4 คือ ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาเป็นจีเนียสไกด์ให้แก่แบรนด์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้นำ หนูดี-วนิษา เรซ หมอก้อง-สรวิชญ์ สุบุญ และชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และตำแหน่งของสินค้าให้มีความชัดเจนมากขึ้น เจาะกลุ่มเป้าหมายนักเรียน และวัยทำงาน
นายบุญเลิศกล่าวว่า การที่แบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ดเลือก ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ มาเป็นจีเนียสไกด์ เนื่องจากเป็น 1 ใน 43 นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นรุ่นใหม่จากทั่วโลกที่ได้รับเลือกจาก The Inter Academy Panel โดยกลยุทธ์การตลาด บริษัทมุ่งเน้นการสื่อสารการสร้างแรงบันดาลใจว่าทุกคนสามารถก้าวขึ้นมายืนอยู่บนความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด Science in You
หรือทุกคนมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในตัว ทั้งนี้ จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกบ ริษัทตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีนี้โต 15% หรือมีรายได้ 400-500 ล้านบาท รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดเนื่องจากในตลาดยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าซุปไก่สกัดชนิดเม็ดจะมีสัดส่วนรายได้จาก 5% เป็น 10% จากปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังมาจากแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดน้ำ 50% แบรนด์รังนก 30% และวีต้า 15% ส่วนการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้าไม่มีผลต่อการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนของบริษัทมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทได้ขยายไปยังตลาดต่างประเทศมากว่าหลายปี ขณะที่แนวโน้มการแข่งขันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลังจากเปิดเออีซีแล้ว ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้
นายบุญเลิศ สุขเสรีทรัพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เซเรบอส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ด เปิดเผยว่า สภาพตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดเม็ดมูลค่า 4,000-5,000 ล้านบาท ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้เติบโต 15% และคาดปีนี้โต 15% โดยเฉพาะตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับสมองเป็นเซกเมนต์ที่เติบโตดีมาก พบว่ายอดขายแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ดมีการเติบโต 15% เนื่องจากสมองเป็นอวัยวะสำคัญที่สุดที่ผู้บริโภคห่วงและต้องการดูแล ปกป้องมากที่สุดสูงถึง 82% ซึ่งเป็นข้อมูลจากศูนย์วิจัยด้านสมองของแบรนด์ครอบคลุม 8 ประเทศในเอเชีย
“ที่ผ่านมาตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับสมองเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะฟังก์ชันนัลดริงก์ผลักดันให้ตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้น มีกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้บริโภคเองก็มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี”
บริษัทได้ทุ่มงบกว่า 50 ล้านบาทในการทำตลาดแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ด สูตรวิตามินบี คอมเพล็กซ์ พร้อมกับงัดกลยุทธ์นำบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการหรือที่มีความรู้มาเป็นแอมบาสซาเดอร์ให้แก่แบรนด์เป็นคนที่ 4 คือ ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลกมาเป็นจีเนียสไกด์ให้แก่แบรนด์ หลังจากก่อนหน้านี้ได้นำ หนูดี-วนิษา เรซ หมอก้อง-สรวิชญ์ สุบุญ และชมะนันทน์ วรรณวินเวศร์ เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์และตำแหน่งของสินค้าให้มีความชัดเจนมากขึ้น เจาะกลุ่มเป้าหมายนักเรียน และวัยทำงาน
นายบุญเลิศกล่าวว่า การที่แบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดเม็ดเลือก ดร.นิศรา การุณอุทัยศิริ มาเป็นจีเนียสไกด์ เนื่องจากเป็น 1 ใน 43 นักวิทยาศาสตร์ดีเด่นรุ่นใหม่จากทั่วโลกที่ได้รับเลือกจาก The Inter Academy Panel โดยกลยุทธ์การตลาด บริษัทมุ่งเน้นการสื่อสารการสร้างแรงบันดาลใจว่าทุกคนสามารถก้าวขึ้นมายืนอยู่บนความสำเร็จ ภายใต้แนวคิด Science in You
หรือทุกคนมีความเป็นนักวิทยาศาสตร์อยู่ในตัว ทั้งนี้ จากการดำเนินการตลาดเชิงรุกบ ริษัทตั้งเป้ายอดขายสิ้นปีนี้โต 15% หรือมีรายได้ 400-500 ล้านบาท รั้งตำแหน่งผู้นำตลาดเนื่องจากในตลาดยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง
อย่างไรก็ตาม ในอีก 3 ปีข้างหน้าบริษัทตั้งเป้าซุปไก่สกัดชนิดเม็ดจะมีสัดส่วนรายได้จาก 5% เป็น 10% จากปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทยังมาจากแบรนด์ซุปไก่สกัดชนิดน้ำ 50% แบรนด์รังนก 30% และวีต้า 15% ส่วนการเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียนในอีก 3 ปีข้างหน้าไม่มีผลต่อการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาเซียนของบริษัทมากนัก เนื่องจากที่ผ่านมาธุรกิจของบริษัทได้ขยายไปยังตลาดต่างประเทศมากว่าหลายปี ขณะที่แนวโน้มการแข่งขันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลังจากเปิดเออีซีแล้ว ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้