นักลงทุนต่างชาติทั้งกลุ่มประเทศอียู สหรัฐอเมริกา รัสเซีย จีน ตบเท้าขอข้อมูลจาก ส.อ.ท.เพื่อหวังจับคู่และร่วมทุนกับบริษัทไทย หวั่นตกขบวนลงทุนในภูมิภาคอาเซียนหลัง “พม่า” เนื้อหอมสุด โดยใช้ไทยเป็นฐานผลิตก่อนสยายปีกรับ AEC ปี 2558
นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและรองประธานงานองค์กรระหว่างประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน เข้ามาติดต่อกับ ส.อ.ท.เพื่อขอข้อมูลเพื่อการร่วมลงทุนหรือจับคู่ธุรกิจกับไทยจำนวนมาก เนื่องจากนักลงทุนเหล่านี้เริ่มมองหาโอกาสการค้าการลงทุนที่จะผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้านเมื่อไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ปี 2558
“พม่าที่เปิดประเทศมากขึ้น โดยล่าสุด นายเต็งเส่งยังเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้ก็ตอกย้ำให้เห็นทิศทางที่ดีในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ เวลานี้คงไม่มีใครอยากตกขบวนที่จะไม่เข้าไปลงทุนยังพม่า แต่เขามองไทยเป็นฐานการผลิตก่อน ส่วนจะขยายไปยังประเทศในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะเพื่อนบ้านไทยทั้งพม่า ลาว กัมพูชา คงมองในโอกาสต่อไป เพราะเขาเองยอมรับว่าข้อมูลต่างๆ ของประเทศเหล่านี้ยังไม่มีมากพอ ขณะที่ข้อมูลต่างๆ จะอยู่ที่ไทยจึงเห็นว่าแนวโน้มการลงทุนไทยจะดีขึ้นแน่นอน” นายวิศิษฎ์กล่าว
นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ขณะนี้นักลงทุนสนใจที่จะลงทุนในไทยเพิ่มขึ้นด้วยเหตุผลสำคัญคือ ไทยเปรียบเสมือนประตูการค้าและการลงทุนสู่ภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะเมื่อก้าวสู่ AEC ขณะเดียวกัน ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานก็พร้อม อุตสาหกรรมมีการเชื่อมโยงในรูปแบบคลัสเตอร์ซึ่งเป็นห่วงโซ่การผลิตที่ค่อนข้างยาวทำให้เข้มแข็ง เช่น ยานยนต์ เกษตรแปรรูป ฯลฯ
“อุตสาหกรรมที่จะเกิดการรวมกลุ่มในส่วนของอุตสาหกรรมสนับสนุนยังมีอีกค่อนข้างมาก ผมคิดว่าอนาคตการจับคู่ธุรกิจหรือแมชชิ่งจะเพิ่มขึ้นเพื่อก่อให้เกิดความเข้มแข็งในธุรกิจ ซึ่งบีโอไอเองก็มีแผนส่งเสริมการลงทุนไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยวางเป้าหมายกลุ่มแรกอินโดนีเซีย พม่า และเวียดนาม กลุ่มที่ 2 คืออาเซียน จีน และอินเดีย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนยุทธศาสตร์ในรายละเอียดอยู่” นายโชคดีกล่าว