เชลล์แนะรัฐบาลบริหารจัดการน้ำมันปาล์มดิบและB100 ให้ราคาคงที่หวั่นกระทบราคาไบโอดีเซลให้สูงได้พร้อมจับมือน้ำมันพืชปทุมจัดทำโครงการส่งเสริมศักยภาพผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนตามมาตรฐาน RSPO ดึงโรงสกัดน้ำมันปาล์ม 8 แห่งและเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มกว่า 1,000 รายเข้าร่วมหวังยกระดับมาตรฐานน้ำมันปาล์มไทยแข่งขันในเวทีโลก
นางพิศวรรณ อัชนะพรกุล ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า รัฐบาลควรบริหารจัดการปาล์มดิบและน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 100% หรือB 100 เพื่อให้ราคาคงที่ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อราคาไบโอดีเซลได้ในอนาคต ดังนั้นการที่กระทรวงพลังงาน ประกาศลดสัดส่วนการผสมบี 100 ในดีเซลลงเหลือ 3.5 - 5% นั้น เป็นเรื่องจำเป็น เพราะรัฐบาล ต้องดูแลสต๊อกน้ำมันปาล์มไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน
อย่างไรก็ตามเชลล์ได้ร่วมมือกับบริษัทน้ำมันพืชปทุม จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์ม และไบโอดีเซล รายใหญ่ของประเทศ จัดทำโครงการส่งเสริมศักยภาพการผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน ตามมาตรฐาน RSPO (Round table on Sustainable Palm Oil) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับโลกเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ ที่ประกอบด้วย โรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 8 แห่ง และเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มรายย่อยกว่า 1,000 ราย ให้สามารถดำเนินการตามมาตรฐาน RSPO เพื่อให้น้ำมันปาล์มของไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก
ทั้งนี้ โครงการระยะแรก จะเป็นการจัดตั้งทีมงานภาคสนาม ฝึกอบรมเชิงลึกให้กับผู้ปลูกปาล์มรายย่อย จากนั้นจะนำระบบบริหารจัดการแบบกลุ่มเข้ามาใช้ เพื่อให้เกิดการพัฒนา และสามารถติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง จนสามารถผ่านมาตรฐานรับรองของ RSPO อย่างไรก็ตาม บริษัทน้ำมันพืชปทุม เป็นบริษัทในประเทศไทยรายแรก ที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน RSPO และคาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี ในการผลิตน้ำมันปาล์มตามมาตรฐาน ได้ประมาณ 50,000 ตันต่อปี
นายศาณินทร์ ตริยานนท์ กรรมการ บริษัท น้ำมันพืชปทุม จำกัด กล่าวว่า การนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ(CPO)จากต่างประเทศ จะทำให้ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ รวมทั้งรัฐบาล ควรปล่อยให้ราคาผลผลิต และผลิตภัณฑ์จากน้ำมันปาล์ม สะท้อนต้นทุน
นายกฤษดา ชวนะนันท์ นายกสมาคมโรงสกัดน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า การที่รัฐบาลเปิดนำเข้า CPO ถือว่าเป็นการบริหารสต็อกที่ดี เพราะสต็อกที่มีเหลือเพียง 1.2 แสนตัน เป็นปริมาณที่ต่ำกว่าสต็อกที่ถือว่าเป็นจุดวิกฤติ อาจเกิดปัญหาขาดแคลนได้ที่ประมาณ 2 แสนตัน
