มาซูม่าเดินหน้าเต็มกำลัง ผนึกพันธมิตร “โทเรย์” ยักษ์เครื่องกรองน้ำญี่ปุ่นรับศึกเออีซี อัดฉีดงบลงทุนเพิ่ม 50 ล.ปีหน้าขยายกำลังผลิตสู่ 2.5 แสนเครื่องต่อปี พร้อมแตกไลน์ต่อยอดธุรกิจเพิ่มในอนาคต มั่นใจปีนี้รายได้รวมทะลุ 400 ล้านบาท เติบโตกว่า 20%
นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ ปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบการจัดการน้ำแบรนด์ มาซูม่า เปิดเผยว่า ปีนี้จะมุ่งสร้างแบรนด์มาซูม่าให้เป็นที่รู้จัก หลังดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี ล่าสุดช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท โทเรย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเครื่องกรองน้ำจากประเทศญี่ปุ่นในการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยีมาใช้ทำตลาดร่วมกันหลังจากนี้เป็นต้นไปเพื่อรองรับเออีซีที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เบื้องต้นของความร่วมมือครั้งนี้ ทางมาซูม่าจะนำเทคโนโลยีของโทเรย์มาใช้เป็นส่วนสำคัญในการผลิตเครื่องกรองน้ำเพื่อจำหน่ายในไทย ร่วมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบรนด์โทเรย์เข้ามาทำตลาดในไทย ส่วนในแผนระยะต่อไป มีความเป็นไปได้ที่โทเรย์จะใช้ไทยเป็นฮับในการทำตลาดอาเซียน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการร่วมทุนเกิดขึ้นก็เป็นได้”
ล่าสุดได้นำเครื่องกรองน้ำโทเรย์มาจำหน่าย 2 รุ่น คือ SX902V-EG ในราคา 2,990 บาท จากราคาปกติ 3,500 บาท และรุ่น SW5-EG ราคา 7,990 บาท จากราคาปกติ 11,900 บาท เป็นราคาพิเศษจำหน่ายไปจนถึงสิ้นไตรมาสสามนี้ ตั้งเป้ายอดขายน่าจะทำได้ราว 3,000 เครื่องต่อรุ่นได้
นายวฤธ ดุรงค์เดช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 20 ล้านบาท สำหรับการตลาด 10 ล้านบาท และขยายกำลังการผลิตจาก 1.2 แสนเครื่องเป็น 1.6 แสนเครื่องต่อปี มั่นใจว่าถึงสิ้นปีบริษัทจะมีรายได้รวมกว่า 400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จาก 310 ล้านบาทของปีก่อนได้ โดยกว่า 65-70% มาจากยอดขายเครื่องกรองน้ำ และอีก 30% มาจากเครื่องทำน้ำอุ่นและปั๊มน้ำ ขณะที่ภาพรวมตลาดค้าปลีกเครื่องกรองน้ำมูลค่า 950 ล้านบาทนั้น ปีนี้มองว่าจะเติบโตที่ 20% เช่นกัน โดยมาซูม่าถือเป็นท็อปทรีในตลาดนี้
อย่างไรก็ตาม ใน 1-2 ปีหลังจากนี้บริษัทจะเพิ่มการลงทุนอีกกว่า 50 ล้านบาทสำหรับขยายกำลังการผลิตสู่ 2.5 แสนเครื่องต่อปี เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและเออีซีในอนาคต จากแผน 3-5 ปีหลังจากนี้ที่จะเข้าไปทำตลาดในพม่า ลาว กัมพูชา ผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะแตกไลน์ต่อยอดธุรกิจเดิมอีกด้วย เช่น การผลิตน้ำดื่ม เป็นต้น จากปัจจุบันมีบริษัทในเครือ คือบริษัท เอช ทู โฮ-ไฮโดร จำกัด ที่นำเข้าน้ำแร่ธรรมชาติจากไอซ์แลนด์ ตราไอซ์แลนด์สปริง มากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการผลักดันรายได้สู่ 1,000 ล้านบาทให้ได้ภายใน 3-5 ปีหลังจากนี้
นายศรัล ดุรงค์เดช กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องกรองน้ำ ปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบการจัดการน้ำแบรนด์ มาซูม่า เปิดเผยว่า ปีนี้จะมุ่งสร้างแบรนด์มาซูม่าให้เป็นที่รู้จัก หลังดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี ล่าสุดช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท โทเรย์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำเครื่องกรองน้ำจากประเทศญี่ปุ่นในการแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยีมาใช้ทำตลาดร่วมกันหลังจากนี้เป็นต้นไปเพื่อรองรับเออีซีที่กำลังจะเกิดขึ้น
“เบื้องต้นของความร่วมมือครั้งนี้ ทางมาซูม่าจะนำเทคโนโลยีของโทเรย์มาใช้เป็นส่วนสำคัญในการผลิตเครื่องกรองน้ำเพื่อจำหน่ายในไทย ร่วมถึงการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องกรองน้ำแบรนด์โทเรย์เข้ามาทำตลาดในไทย ส่วนในแผนระยะต่อไป มีความเป็นไปได้ที่โทเรย์จะใช้ไทยเป็นฮับในการทำตลาดอาเซียน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการร่วมทุนเกิดขึ้นก็เป็นได้”
ล่าสุดได้นำเครื่องกรองน้ำโทเรย์มาจำหน่าย 2 รุ่น คือ SX902V-EG ในราคา 2,990 บาท จากราคาปกติ 3,500 บาท และรุ่น SW5-EG ราคา 7,990 บาท จากราคาปกติ 11,900 บาท เป็นราคาพิเศษจำหน่ายไปจนถึงสิ้นไตรมาสสามนี้ ตั้งเป้ายอดขายน่าจะทำได้ราว 3,000 เครื่องต่อรุ่นได้
นายวฤธ ดุรงค์เดช รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาซูม่า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางบริษัทพร้อมใช้งบลงทุนรวมกว่า 20 ล้านบาท สำหรับการตลาด 10 ล้านบาท และขยายกำลังการผลิตจาก 1.2 แสนเครื่องเป็น 1.6 แสนเครื่องต่อปี มั่นใจว่าถึงสิ้นปีบริษัทจะมีรายได้รวมกว่า 400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จาก 310 ล้านบาทของปีก่อนได้ โดยกว่า 65-70% มาจากยอดขายเครื่องกรองน้ำ และอีก 30% มาจากเครื่องทำน้ำอุ่นและปั๊มน้ำ ขณะที่ภาพรวมตลาดค้าปลีกเครื่องกรองน้ำมูลค่า 950 ล้านบาทนั้น ปีนี้มองว่าจะเติบโตที่ 20% เช่นกัน โดยมาซูม่าถือเป็นท็อปทรีในตลาดนี้
อย่างไรก็ตาม ใน 1-2 ปีหลังจากนี้บริษัทจะเพิ่มการลงทุนอีกกว่า 50 ล้านบาทสำหรับขยายกำลังการผลิตสู่ 2.5 แสนเครื่องต่อปี เพื่อรองรับความต้องการในประเทศและเออีซีในอนาคต จากแผน 3-5 ปีหลังจากนี้ที่จะเข้าไปทำตลาดในพม่า ลาว กัมพูชา ผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะแตกไลน์ต่อยอดธุรกิจเดิมอีกด้วย เช่น การผลิตน้ำดื่ม เป็นต้น จากปัจจุบันมีบริษัทในเครือ คือบริษัท เอช ทู โฮ-ไฮโดร จำกัด ที่นำเข้าน้ำแร่ธรรมชาติจากไอซ์แลนด์ ตราไอซ์แลนด์สปริง มากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งนี้เพื่อต้องการผลักดันรายได้สู่ 1,000 ล้านบาทให้ได้ภายใน 3-5 ปีหลังจากนี้
