xs
xsm
sm
md
lg

เบรกต้นตอค่าลิขสิทธิ์พุ่ง แย่งซืื้อซีรีย์เกาหลี-ญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีเฟื่อง ส่งตลาดคอนเทนต์ต่างประเทศแข่งดุ เหตุคนไทยวิ่งแห่ซื้อทำราคาปั่นขึ้นสูงจากปกติ “เอสทีจี” วอนผู้ประกอบการร่วมหาแนวทางให้มีเอเยนต์รายเดียวจะทำให้อุตสาหกรรมเติบโตได้ดี ล่าสุดปีนี้พร้อมนำเข้าคอนเทนต์ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10-15% ป้อนคอนเทนต์สู่แซตเทลไลต์ และไอพีทีวี มั่นใจสิ้นปีรายได้รวมโตไม่ต่ำกว่า 20% ทะลุ 1,000 ล้านบาท

นายจตุพล สุธีสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เอสทีจี มัลติมีเดีย จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าคอนเทนต์โพรวายเดอร์จากต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีที่เติบโตเร็วมาก ทั้งในส่วนของเคเบิลทีวีท้องถิ่นที่ปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 4.5 ล้านครัวเรือน จานดีทีวีกว่า 1.5 ล้านจาน รวมถึงช่องรายการใหม่จากแซตเทลไลต์ทีวีเติบโตขึ้นสูงมาก ส่งผลให้คอนเทนต์มีความต้องการสูง โดยเฉพาะคอนเทนต์ต่างประเทศที่มีคุณภาพที่จะช่วยให้ช่องรายการนั้นๆ อยู่ได้ ดังนั้น จากการเป็นผู้นำในการนำเข้าคอนเทนต์จากต่างประเทศ ปีนี้บริษัทจึงได้นำเข้าจำนวนคอนเทนต์มากกว่าปีก่อนอีกราว 10-15% ในแง่จำนวนชั่วโมง หรือราว 4,500-5,000 ชั่วโมง แบ่งออกเป็น สารคดี 30% ซีรีส์ 60% และภาพยนตร์ 10%

“แต่ทั้งนี้กลับพบว่าตลาดคอนเทนต์ต่างประเทศกำลังมีต้นทุนสูงขึ้น เนื่องจากมีคนไทยแห่เข้าไปร่วมประมูลซื้อหลายรายในคอนเทนต์เดียวกัน ซึ่งทางบริษัทได้มีการพูดคุยกับคู่ค้าและพันธมิตรต่างๆ ให้เข้าใจถึงสถาณการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องการให้มีการมอบหมายให้มีการซื้อผ่านเพียงรายเดียว จะทำให้ต้นทุนไม่สูงเกินความเป็นจริงและทำให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งลูกค้าก็เข้าใจ แต่ก็ยังมีอีกหลายรายที่จะเข้าไปซื้อคอนเทนต์เอง ดังนั้นในปีหน้ามองว่าตลาดคอนเทนต์ต่างประเทศจะยังแข่งขันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคอนเทนต์ประเภท ซีรีส์เกาหลี ญี่ปุ่น และสารคดีต่างประเทศ”

อย่างไรก็ตาม สำหรับเอสทีจี การนำเข้าคอนเทนต์ทั้งหมดนี้จะต้องผ่านหน่วยงานที่ชื่อ มีเดียเพล็กซ์ (Media Plex) ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของบริษัทที่มีบทบาทในการวางกลยุทธ์บริหารคอนเทนต์ทั้งหมดไปสู่ช่องทางต่างๆ ซึ่งปีนี้แนวโน้มเคเบิลทีวีเติบโตมากสุด ดังนั้นคอนเทนต์ส่วนใหญ่จะถูกนำไปออกอากาศทางช่องทางนี้เป็นหลัก ในลักษณะของการนำคอนเทนต์ไปร่วมมือกับพันธมิตรแต่ละช่อง จะมีทั้งแบบเอ็กซ์คลูซีฟคอนเทนต์ และแบบนอนคอนเทนต์ ซึ่งในช่องนั้นๆ จะมีคอนเทนต์จากเอสทีจีราว 70-80% และ 20% มาจากทางเจ้าของช่อง โดยหลังจากนี้ไปจนถึงสิ้นปีจะได้เห็น 5 ช่อง เป็นช่องเกิดใหม่จากทางแกรมมี่ 3 ช่อง คือ ช่องจีเนียส ช่องฮิต และช่องมูฟวี ซึ่งทั้ง 3 ช่องเป็นช่องใหม่ที่ทางแกรมมี่จะนำมาหารายได้จากการจ่ายค่าสมาชิกรายเดือน ส่วนอีก 2 ช่องเป็นพันธมิตรรายอื่น

ล่าสุดในส่วนของช่องทางโรงภาพยนตร์ ปีนี้จะมีการนำภาพยนตร์เข้าฉายในโรงภาพยนตร์รวม 4 เรื่อง ประเดิมเรื่องแรก คือ My way ในช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ อีกทั้งในช่วงเดือน ก.ย.จะมีการจัดเทศกาลภาพยนตร์ JK HUB กับภาพยนตร์เกาหลีและญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมกว่า 15-20 เรื่องเข้าฉาย อีกส่วนหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ ในปีหน้ามองว่า IPTV จะเติบโตสูงมาก จากปัจจุบันมีผู้เล่นทั้งรายเล็กรายใหญ่รวมกว่า 20 รายที่เข้ามารุกในช่องทางนี้ และกำลังมองหาคอนเทนต์คุณภาพในการผลักดันช่องให้เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้มีการพูดคุยกับทางเอสทีจีแล้วหลายราย ส่งผลให้แนวทางธุรกิจปีหน้าของเอสทีจีจะโฟกัสในส่วนของไอพีทีวีมากขึ้น ขณะที่สิ้นปีนี้มองว่าภาพรวมรายได้ของบริษัทจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปกติ 15% คิดเป็นมูลค่าได้กว่า 1,000 ล้านบาท มาจากหน่วยธุรกิจมีเดียเพล็กซ์ 50% และอีก 50% มาจากโชว์บิซ และโฮมวิดีโอ เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น