xs
xsm
sm
md
lg

“กิตติรัตน์” แจงแผนรับมือวิกฤตยุโรป เร่งเปิด “ดอนเมือง” เต็มรูปแบบ เร็วขึ้นอีก 2 เดือน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กิตติรัตน์ ณ ระนอง (แฟ้มภาพ)
“กิตติรัตน์” เผยแนวทางรับมือ ศก.ยุโรป ต้องเร่งเปิดใช้ “ดอนเมือง” เต็มรูปแบบ เลื่อนให้เร็วขึ้นเป็น 1 ส.ค. จากเดิม 1 ต.ค. เพื่อสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว พร้อมใช้มาตรการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทนิ่งเพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถแข่งขันได้

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ วันนี้ เพื่อหาแนวทางรับมือวิกฤตเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยุโรป โดยระบุว่ามาตรการหนึ่งที่มีความสำคัญคือ การเร่งเปิดใช้ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) เต็มรูปแบบให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 1 สิงหาคม 2555 จากเดิมที่กำหนดในวันที่ 1 ตุลาคม 2555 เพื่อสนับสนุนด้านการท่องเที่ยว

“ด้านท่องเที่ยว จะมีการเร่งเปิดสนามบินดอนเมืองจากกำหนดการ 1 ตุลาคม 2555 มาเป็น 1 สิงหาคม 2555 มั่นใจว่าการให้บริการนักท่องเที่ยวจะมีการเข้าถึงมากขึ้นจากการเปิด 2 สนามบิน ซึ่งจะให้เป็นแหล่งรายได้สำคัญของประเทศ”

ขณะเดียวกัน ก็จะดูแลค่าเงินบาทเพื่อให้ผู้ส่งออกสามารถแข่งขันได้ ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ และไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ซึ่งจากตัวเลขการส่งออกไปยุโรปในขณะนี้ตัวเลขโดยรวมไม่ตกลงมา เพียงแต่ได้เห็นสัญญาณว่าอาจมีผลกระทบ จึงจำเป็นต้องหามาตรการในการช่วยเหลือ

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า แนวทางดังกล่าวเป็นผลการหารือของ ครม.เศรษฐกิจ โดยมีข้อสรุปวิธีรับมือในการเน้นรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนที่จะต้องรักษาให้มีความมั่นคง ซึ่งในขณะนี้ค่าเงินบาทก็อ่อนตัวมาระดับหนึ่ง ซึ่งช่วยในเรื่องการส่งออกได้ดีขึ้น รวมทั้งเสถียรภาพอัตราดอกเบี้ย, เสถียรภาพการดูแลอัตราการว่างงาน และเสถียรภาพราคาพลังงาน

ทั้งนี้ รัฐบาลเชื่อมั่นว่าในด้านเสถียรภาพด้านพลังงานนั้น ขณะนี้ยังสามารถดูแลราคาน้ำมันขายปลีกไว้ได้ ซึ่งการติดลบของกองทุนน้ำมันก็ลดน้อยลงมาเหลือที่ระดับ 1.6 หมื่นล้านบาท จากเดิมอยู่ในระดับสูงถึง 3 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งจะมีผลไปถึงเสถียรภาพเรื่องราคาสินค้าทั่วไป ซึ่งในขณะนี้ระดับเงินเฟ้อทั่วไปยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า การทำงานของภาครัฐในการใช้จ่ายภาครัฐทั้งงบประจำและงบลงทุน มั่นใจว่าในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าและทำได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา ขณะที่การดูแลตลาดส่งออกนั้น รัฐบาลจะเน้นเป้าหมายตลาดส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ตะวันออกกลาง และในกลุ่มอเมริกาเหนือ ซึ่งมั่นใจว่าการส่งออกจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหายุโรปมากนัก

ด้านอัตราการว่างงานในขณะนี้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ แต่ยังมีปัญหาในเรื่องทักษะแรงงานที่ยังไม่ตรงความต้องการของแรงงาน จึงได้มอบให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงศึกษาธิการ ไปเร่งพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน

นายกิตติรัตน์กล่าวถึงการดูแลภาคอุตสาหกรรมในรายอุตสาหกรรมและรายสินค้าว่า ที่ประชุมมีการหารือว่ายังมี 3 สินค้าสำคัญที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก คือ สิ่งทอเครื่องนุ่งห่ม, เครื่องประดับ และอิเล็กทรอนิกส์ จึงมอบหมายให้กระทรวงการคลังหาแนวทางดูแลทั้ง 3 กลุ่มสินค้า โดยสถาบันการเงินภายใต้การกำกับของกระทรวงการคลังพร้อมดูแลสินเชื่อหรือประกันการส่งออกไปยังกลุ่มประเทศเป้าหมาย เช่น ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออก (EXIM BANK) พร้อมปล่อยสินเชื่อในวงเงิน 1 แสนล้านบาท และวงเงินค้ำประกัน 4 หมื่นล้านบาท

ด้านเกษตรนั้น ยอมรับว่าราคายางพาราที่ปรับตัวลดลงมามากนั้น เป็นการปรับตัวที่สอดคล้องกับการปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยรัฐบาลจะเร่งหาแนวทางในการศึกษาร่วมกับ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม เพื่อให้ราคายางอยู่ในระดับที่ดีที่สุด

นายกิตติรัตน์กล่าวว่า บรรยากาศทางการเมืองถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งเพราะหากเป็นไปด้วยความสงบ ในมุมการทำงานด้านเศรษฐกิจก็จะง่ายขึ้น ซึ่งต่างชาติก็จับตาดูประเทศไทยในเรื่องสถานการณ์ทางการเมืองอยู่ หากภายในปีนี้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือภัยพิบัติเกิดขึ้น ก็มั่นใจว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศสูงขึ้นจากปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ
กำลังโหลดความคิดเห็น