“ประเสริฐ” อดีตซีอีโอ ปตท.แนะรัฐฉวยจังหวะราคาน้ำมันดิ่งปรับโครงสร้างพลังงาน ลดการอุดหนุน หลังประเทศเพื่อนบ้านทั้งมาเลย์ อินโดฯและจีน ได้ดำเนินการลดการอุดหนุนพลังงานแล้ว ส่วนการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลอาจทยอยเก็บหลังกองทุนน้ำมันฯ เลิกติดลบ เผยบอร์ดไออาร์พีซีและพีทีที โกลบอลฯ สั่งทบทวนแผนการลงทุนใหม่รับมือวิกฤตยูโรโซน โดยชะลอโครงการที่ไม่จำเป็นเพื่อรักษากระแสเงินสดไว้ รวมทั้งลดสต๊อกให้ต่ำสุดเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดทุนสต๊อกเหมือนในอดีต
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการมูลนิธิพลังที่ยั่งยืน เปิดเผยในงานสัมมนา Energy Forum : ทางเลือก ทางรอด ไฟฟ้าไทย วานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้ในประเทศเพื่อนบ้านไทย เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย และจีนได้มีนโยบายลดการอุดหนุนราคาพลังงาน โดยมุ่งอุดหนุนเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าการอุดหนุนราคาพลังงานเป็นการสร้างปัญหาในระยะยาว ทำให้ผู้ประกอบการไม่ปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จึงเห็นว่าไทยควรฉวยจังหวะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกอ่อนตัวลงเร่งปรับโครงสร้างราคาพลังงาน และลดอุดหนุนราคาพลังงานทั้งก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และน้ำมันดีเซล หากจะอุดหนุนควรเลือกเฉพาะกลุ่มผู้ที่เดือดร้อนในรูปของ Energy Card
รวมทั้งเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดภาวะการขาดทุนของกองทุนน้ำมันฯ ที่ยังติดลบอยู่กว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหลังจากทุนน้ำมันฯ เป็นบวกจึงค่อยทยอยเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลคืน โดยอาจจะจัดเก็บภาษีสรรพสามิตไม่ถึง 5 บาทต่อลิตรก็ได้ โดยประเมินว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่ในระดับต่ำอีกระยะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็คงเห็นราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นไปถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลแน่ เพราะต้นทุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มสูงขึ้น
ในปี 2554 รัฐบาลอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท ทำให้สูญเสียรายได้ปีละ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งเท่ากับเม็ดเงินลงทุนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าได้หนึ่งสาย
ที่ผ่านมาทางธนาคารโลกได้ศึกษาการอุดหนุนราคาพลังงานในประเทศแถบเอเชีย พบว่าการอุดหนุนมีเพียง 30% เท่านั้นที่ไปถึงประชาชนผู้มีรายได้น้อย แต่ที่เหลือเป็นการอุดหนุนที่ไม่ตรงจุด โดยเห็นว่าการส่งเสริมพลังงานทางเลือกเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องพิจารณาว่าภาครัฐจะอุดหนุนโครงการเหล่านี้เท่าใด เนื่องจากนับวันราคาก๊าซธรรมชาติจะแพงขึ้น เพราะในอนาคตไทยต้องนำเข้าจากต่างประเทศในรูปก๊าซธรรมชาติอัดเหลว (LNG) เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้า หลังจากปริมาณก๊าซฯ ในอ่าวไทยมีปริมาณการผลิตลดลง
สำหรับทิศทางราคาน้ำมันขณะนี้มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยประเมินราคาน้ำมันไว้เป็น 3 ระดับ จากปัจจัยวิกฤตเศรษฐกิจกรีซ ดังนี้คือ หากกรีซยังอยู่ในยูโรโซนและเศรษฐกิจในอียูไม่ดีนัก เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากกรีซออกจากยูโรโซนแต่อียูไม่ล่มสลาย ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากกรีซออกจากยูโรโซนและอียูล่มสลาย ราคาน้ำมันดิบน่าจะอ่อนตัวมาอยู่ระดับ 50-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่เชื่อว่าคงไม่เกิดขึ้น จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่รัฐบาลจะปรับโครงสร้างพลังงาน และเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดภาวะการขาดทุนของกองทุนน้ำมันฯ ที่ยังติดลบอยู่กว่า 2 หมื่นล้านบาท และหลังจากกองทุนน้ำมันฯ เป็นบวกให้กลับมาทยอยเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลคืน เพราะราคาน้ำมันจะอยู่ระดับต่ำไปอีกนาน
ดังนั้น ตนในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ได้มีนโยบายให้ทั้งสองบริษัททบทวนแผนการลงทุนใหม่ เพื่อรองรับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตยูโรโซนที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะลุกลามมากน้อยแค่ไหน โดยให้ชะลอโครงการที่ไม่จำเป็นออกไปก่อนเพื่อรักษาสภาพคล่องไว้
นอกจากนี้ยังให้พิจารณาลดการสำรองวัตถุดิบ (สต๊อก) ให้อยู่ระดับต่ำสุดตามข้อบังคับกฎหมายกำหนด เพื่อลดปัญหาการขาดทุนสินค้าคงคลัง โดยเชื่อมั่นว่าบริษัทในกลุ่ม ปตท.ปีนี้จะไม่เกิดปัญหาขาดทุนจากสต๊อกเหมือนสมัยวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อปี 2552
**เดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าตามแผน PDP
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้าของประเทศไทยตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาว (พีดีพี) 2010 ได้มีการกระจายการใช้เชื้อเพลิงเพื่อลดการพึ่งพิงการใช้ก๊าซฯ ในการผลิตไฟฟ้าไปยังเชื้อเพลิงถ่านหิน พลังงานทดแทน รวมถึงนิวเคลียร์ เนื่องจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใช้เวลานาน 7-10 ปี หากไม่เตรียมการในขณะนี้จะกระทบต่อการแข่งขันในอนาคต ซึ่งขณะนี้คู่แข่งที่น่ากลัวอย่างเวียดนาม และพม่า ก็มีทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าไทย หากไทยไม่เร่งวางแผนดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้ก็อาจจะช้าไป เพราะในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 2.61 หมื่นเมกะวัตต์ เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2555 พบว่าปริมาณไฟสำรองเหลือไม่ถึง 5%
ส่วนเรื่องยกเลิกจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 91 ในวันที่ 1 ต.ค. นี้ยังไม่สามารถตอบได้ขอดูข้อมูลรายละเอียดก่อน หากมีการยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 จริง ก็ต้องมีมาตรการเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้ที่จะได้รับผลกระทบ