“กฟผ.” เผยแนวโน้มเอฟทีงวดหน้า (ก.ย.-ธ.ค. 55) ยังคงเป็นขาขึ้นแม้จะขัดใจประชาชนว่าสวนทางกับราคาน้ำมันที่เป็นขาลงแต่ต้องเข้าใจว่าก๊าซฯ ที่ผลิตไฟอิงราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือนที่ช่วงนั้นแพง โดยน้ำมันขาลงจะไปสะท้อนราคาก๊าซฯ ให้ถูกตามในต้นปี 2556
นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงแนวโน้มอัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดหน้า (ก.ย.-ธ.ค. 55) ว่า ค่าไฟยังคงมีทิศทางเป็นขาขึ้นอยู่ โดยอาจจะขัดความรู้สึกประชาชนที่ทิศทางจะสวนกับราคาน้ำมันที่ขณะนี้อยู่ในช่วงขาลง แต่เนื่องจากการคำนวณราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นปัจจัยหลักในการผลิตไฟฟ้าถึง 70% จะอิงราคาน้ำมันย้อนหลัง 6 เดือนที่ช่วงนั้นเป็นราคาขาขึ้น
“ราคาน้ำมันขณะนี้จะลดต่ำลงเนื่องจากทั่วโลกหวั่นปัญหาเศรษฐกิจจากปัญหาหนี้ยุโรป แต่ราคาน้ำมันที่ลดลงขณะนี้จะมีผลสะท้อนต่อต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการผลิตไฟฟ้าย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน ดังนั้น ต้นทุนราคาก๊าซที่ถูกลงจะมีผลปี 2556 แทน” นายสุทัศน์กล่าว
นายสุทัศน์ยังกล่าวถึงกรณีที่ ครม.อนุมัติให้ กฟผ.กู้เงินปีนี้ 11,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนและนำมาทดแทนเงินกู้เดิมที่หมดอายุลงนั้น ทาง กฟผ.กำลังพิจารณาว่าจะทยอยกู้หรือออกพันธบัตรอย่างไร โดยเงินกู้ปีนี้ยังไม่ใช่รูปแบบการระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ฟันด์ เพราะกองทุนดังกล่าวอยู่ระหว่างกระทรวงการคลังศึกษาว่าจะเหมาะสมหรือไม่
โดยจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่า หาก กฟผ.ระดมทุนผ่านกองทุนดังกล่าวต้นทุนทางการเงินจะสูงอีกประมาณ 2-3% ซึ่งจะมีผลผูกพันทำให้ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในกรณีนี้ก็ต้องหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ด้วยว่าจะต้องให้ค่าไฟฟ้าปรับตัวตามต้นทุนแท้จริง เพื่อไม่ให้ผู้ลงทุนผ่านกองทุนดังกล่าวได้รับผลกระทบ