"พลังงาน" เตรียมออกประกาศปรับลดราคา "แอลพีจี" ภาคอุตฯ หลังตลาดโลกปรับลดลง 2 เดือนซ้อน พร้อมทบทวนโครงสร้างราคา "น้ำมัน-ก๊าซ" อัตราใหม่เพื่อให้สอดรับราคาตลาดโลก ชี้ค่าการตลาดที่อ้างอิงระดับ 1.50-1.80 บาทต่อลิตรต้องพิจารณาให้เหมาะสม เพราะผู้ค้ามีต้นทุนพุ่ง ทั้งค่าการก่อสร้างปั๊ม และค่าจ้างแรงงาน พร้อมเคาะส่วนต่าง "เบนซิน-โซฮอล์" เพื่อจูงใจคนใช้พลังงานทดแทน
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า สนพ.เตรียมออกประกาศปรับลดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรมในเดือนกรกฎาคม 2555 ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง จากราคาจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2555 อยู่ที่กิโลกรัมละ 27.89 บาท เนื่องจากราคาแอลพีจีในตลาดโลกยังปรับลดลงต่อเนื่อง
โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2555 ราคาในตลาดโลกอยู่ที่ 586 ดอลลาร์ต่อตัน ลดลงจากราคาเฉลี่ยในเดือนมิถุนายน 2555 ที่ 714 ดอลลาร์ต่อตัน แต่จะปรับลดลงจำนวนเท่าไรนั้นยังต้องรอการสรุปราคาเฉลี่ยแอลพีจีสิ้นเดือนมิถุนายน 2555 อีกครั้ง ก่อนออกประกาศราคาใหม่ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2555 นี้
ทั้งนี้ การปรับลดราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่กำหนดให้ สนพ.สามารถประกาศปรับราคาแอลพีจีได้ตามการเปลี่ยนแปลงของแอลพีจีในตลาดโลก โดยการปรับราคาจะต้องไม่สูงกว่าราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่น และต้องไม่เกิน 30.13 บาทต่อกิโลกรัม
นายสุเทพยังกล่าวว่า สนพ.อยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำโครงสร้างราคาพลังงานในประเทศใหม่ ทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก ที่ปัจจุบันปรับลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันซึ่งจะต้องพิจารณาค่าการตลาดให้เหมาะสมจากที่อ้างอิงระดับ 1.50-1.80 บาทต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันผู้ประกอบการมีต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งค่าการก่อสร้างสถานีบริการน้ำมัน ค่าแรง โดยควรมีการปรับค่าการตลาดใหม่
ส่วนโครงสร้างพลังงานทดแทนก็จะต้องมีการพิจารณาในราคาส่วนต่างระหว่างกลุ่มแก๊สโซฮอล์กับน้ำมันเบนซินที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้แก๊สโซฮอล์ และสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกพืชพลังงานทดแทน นอกจากนี้ ในส่วนของก๊าซแอลพีจี ยืนยันว่าจะต้องเดินหน้าปรับโครงสร้างราคาต่อ ถึงแม้ว่าปัจจุบันราคาแอลพีจีในตลาดโลกจะปรับลดลงมากก็ตาม