กบง.เตรียมรีดเงินเข้าโปะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกระลอกหลังราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง คาดรีดเบนซินและดีเซลไม่เกิน 50 สตางค์ต่อลิตร พร้อมจ่อปรับลดแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมตามมติกพช.ทีให้อิงราคาหน้าโรงกลั่น
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียม สำนักนโยบายปิโตรเลียมและปิโตรเคมี สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน หรือ สนพ. เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง.เตรียมพิจารณาเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในวันที่ 1 มิ.ย.นี้หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยคาดว่าจะเรียกเก็บเงินเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของน้ำมันเบนซินและดีเซล ไม่เกิน 50 สต./ลิตร
“ราคาน้ำมันตลาดโลกมีการปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทั้งนี้การเรียกเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มเติม ทำให้กองทุน มีเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 54 ล้านบาท/วัน ซึ่งจะทำให้กองทุนติดลบลดลงจาก 22,679 ล้านบาท และยังทำให้ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ไม่สูงเกิน 1.50 บาทต่อลิตรอีกด้วย”นายวีรพัฒน์กล่าว
นอกจากนี้เร็วๆ นี้อาจจะมีการพิจารณาปรับลดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรม ลงตามทิศทางแอลพีจีในตลาดโลก ปัจจุบันอยู่ประมาณ 700 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับเดือนก่อนอยู่ที่ 844 เหรียญสหรัฐต่อตันซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดให้ราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมกลับไปอิงราคาหน้าโรงกลั่นตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.55 เป็นต้นไป ปัจจุบันราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นอยู่ที่ 31.03 บาทต่อกิโลกรัม สูงกว่าราคาแอลพีจีภาคอุตสาหกรรมที่ 30.13 บาทต่อกิโลกรัม แต่ กบง.ไม่ประกาศปรับขึ้นราคา เพราะต้องการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม
“ขณะนี้ราคาแอลพีจีหน้าโรงกลั่นปรับตัวลดลง จะทำให้แอลพีจีภาคอุตสหกรรมลดลงเช่นกัน โดย กบง.กำลังพิจารณาราคาเฉลี่ยแอลพีจีตลาดโลกของเดือนมิ.ย.55 หากปรับลดลงอีกจะเริ่มประกาศใน กบง.ให้ปรับลดราคาภาคอุตสาหกรรมลงให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อกิโลกรัม”นายวีรพัฒน์ กล่าว