“ธนจิรา” ลุยแฟชั่นครบวงจร โหมจิวเวลรีแบรนด์ “แพนโดรา” เต็มสูบ ล่าสุดพร้อมทุ่ม 100 ล้านบาทตามแผน 3 ปี หวังขยายสาขาแตะ 30 สาขาหลังเปิดตัวมาได้ 1 ปี มั่นใจปีนี้รายได้แตะ 100 ล้านบาท เติบโต 5 เท่า
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์เคท สเปด, แจ็ค สเปด, ดีวีเอฟ เปิดเผยว่า ภายหลังจากปีก่อนที่บริษัทได้เข้ามารุกในส่วนของจิวเวลรี กับการนำเข้าแบรนด์แพนโดรา (PANDORA) พบว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ส่วนสำคัญมาจากตลาดจิวเวลรีมีการเติบโตที่ดี จากการที่คนไทยมีพฤติกรรมที่ชอบแต่งตัวแบบมิกซ์แอนด์แมตช์ บวกกับผลิตภัณฑ์ของแพนโดรา ลูกค้าสามารถดีไซน์เลือกใส่ได้จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ราคาจำหน่ายนั้นมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป
ปัจจุบันบริษัทขยายชอปแพนโดรารวมแล้วกว่า 8 แห่ง ซึ่งจนถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มให้ได้เป็น 10-11 แห่ง โดยอีก 3 สาขาที่จะเปิด คือ ดิ เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และเมืองท่องเที่ยวอีก 1 แห่ง รวมแล้วปีนี้ใช้งบขยายสาขารวม 25 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ไปกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งตามแผนการดำเนินงานมองว่าภายใน 3 ปีหลังจากนี้บริษัทจะมุ่งขยายสาขาให้ได้ครบ 30 สาขาทั่วประเทศ โดยจะรุกชานเมืองมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะต้องใช้งบรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมปีนี้มองว่าจะทำได้สูงถึง 100 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับรายได้ในสิ้นปีก่อนที่ผ่านมา
สำหรับแพนโดรา เป็นแบรนด์จากเดนมาร์ก แต่มีฐานผลิตอยู่ที่ประเทศไทย ขณะที่ในไทยเพิ่งนำเข้ามาสร้างแบรนด์ได้เพียง 1 ปี ส่วนที่ต่างประเทศโดยเฉพาะในโซนยุโรปรู้จักกันมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ดังนั้นบริษัทแม่จึงมีนโยบายในการรุกตลาดเอเชียมากยิ่งขึ้น โดยมีสำนักงานภาคพื้นตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความสำคัญ ดังนั้นเบื้องต้นของการทำตลาดราคาจะถูกกว่าฮ่องกงราว 5% โดยปัจจุบันลูกค้าหลักเป็นต่างชาติ 80% และไทย 20% ภายในปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนคนไทยเป็น 40% ให้ได้
นายธนพงษ์กล่าวต่อว่า ธุรกิจแฟชั่นของธนจิรา จะเน้นในส่วนของการนำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่นโยบายปีก่อนจะมุ่งขยายไลน์ให้ครอบคลุมกลุ่มแฟชั่นมากขึ้น ดังนั้น หลังจากนี้จะเห็นไลน์สินค้าแฟชั่นกลุ่มอื่นๆ เข้ามามากยิ่งขึ้น เช่น นาฬิกา รวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย โดยภาพรวมรายได้ของธนจิรา ปีนี้มองว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 330 ล้านบาท แบ่งออกเป็น แบรนด์เสื้อผ้าเคท สเปด 50% แพนโดรา 30% และแบรนด์อื่นๆร วมกันอีก 20% จากปีก่อนมีรายได้ที่ 150 ล้านบาท
นายธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าภายใต้แบรนด์เคท สเปด, แจ็ค สเปด, ดีวีเอฟ เปิดเผยว่า ภายหลังจากปีก่อนที่บริษัทได้เข้ามารุกในส่วนของจิวเวลรี กับการนำเข้าแบรนด์แพนโดรา (PANDORA) พบว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ส่วนสำคัญมาจากตลาดจิวเวลรีมีการเติบโตที่ดี จากการที่คนไทยมีพฤติกรรมที่ชอบแต่งตัวแบบมิกซ์แอนด์แมตช์ บวกกับผลิตภัณฑ์ของแพนโดรา ลูกค้าสามารถดีไซน์เลือกใส่ได้จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ราคาจำหน่ายนั้นมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่นบาทขึ้นไป
ปัจจุบันบริษัทขยายชอปแพนโดรารวมแล้วกว่า 8 แห่ง ซึ่งจนถึงสิ้นปีนี้จะเพิ่มให้ได้เป็น 10-11 แห่ง โดยอีก 3 สาขาที่จะเปิด คือ ดิ เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลปิ่นเกล้า และเมืองท่องเที่ยวอีก 1 แห่ง รวมแล้วปีนี้ใช้งบขยายสาขารวม 25 ล้านบาท จากปีก่อนที่ใช้ไปกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งตามแผนการดำเนินงานมองว่าภายใน 3 ปีหลังจากนี้บริษัทจะมุ่งขยายสาขาให้ได้ครบ 30 สาขาทั่วประเทศ โดยจะรุกชานเมืองมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะต้องใช้งบรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมปีนี้มองว่าจะทำได้สูงถึง 100 ล้านบาท เติบโตขึ้น 5 เท่าเมื่อเทียบกับรายได้ในสิ้นปีก่อนที่ผ่านมา
สำหรับแพนโดรา เป็นแบรนด์จากเดนมาร์ก แต่มีฐานผลิตอยู่ที่ประเทศไทย ขณะที่ในไทยเพิ่งนำเข้ามาสร้างแบรนด์ได้เพียง 1 ปี ส่วนที่ต่างประเทศโดยเฉพาะในโซนยุโรปรู้จักกันมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ดังนั้นบริษัทแม่จึงมีนโยบายในการรุกตลาดเอเชียมากยิ่งขึ้น โดยมีสำนักงานภาคพื้นตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีความสำคัญ ดังนั้นเบื้องต้นของการทำตลาดราคาจะถูกกว่าฮ่องกงราว 5% โดยปัจจุบันลูกค้าหลักเป็นต่างชาติ 80% และไทย 20% ภายในปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนคนไทยเป็น 40% ให้ได้
นายธนพงษ์กล่าวต่อว่า ธุรกิจแฟชั่นของธนจิรา จะเน้นในส่วนของการนำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่นโยบายปีก่อนจะมุ่งขยายไลน์ให้ครอบคลุมกลุ่มแฟชั่นมากขึ้น ดังนั้น หลังจากนี้จะเห็นไลน์สินค้าแฟชั่นกลุ่มอื่นๆ เข้ามามากยิ่งขึ้น เช่น นาฬิกา รวมถึงแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ๆ อีกส่วนหนึ่งด้วย โดยภาพรวมรายได้ของธนจิรา ปีนี้มองว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 330 ล้านบาท แบ่งออกเป็น แบรนด์เสื้อผ้าเคท สเปด 50% แพนโดรา 30% และแบรนด์อื่นๆร วมกันอีก 20% จากปีก่อนมีรายได้ที่ 150 ล้านบาท