xs
xsm
sm
md
lg

“ดร.มาร์ตินส์” ปรับรับมือคู่แข่ง แตกไลน์กระเป๋าหนัง-ลุยนิวมีเดีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โอ.ที.ที.ต่อสัญญา ดร.มาร์ตินส์อีก 5 ปี เร่งมือขยายสินค้ากลุ่มกระเป๋าปลายปีนี้ พร้อมทุ่มงบเปิดแฟลกชิปสโตร์สแตนด์อะโลนแห่งแรกที่เมกะบางนา หวังปั้นยอดขายปีนี้ 50 ล้านบาท

นางสุดา ทรงอุดมวัฒนา ผู้จัดการทั่วไปบริษัท โอ.ที.ที.ฟุตแวร์ จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายรองเท้า ดร.มาร์ตินส์จากประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมขยายไลน์สินค้าของ ดร.มาร์ตินส์ในไทยมากขึ้นตามนโยบายของบริษัทแม่ที่อังกฤษ โดยภายในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ จะเปิดตัวและทำตลาดสินค้ากระเป๋าและเครื่องหนังแบรนด์ ดร.มาร์ตินส์ เพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียงเฉพาะรองเท้าอย่างเดียว โดยมีระดับราคาอยู่ที่ 7,000-11,000 บาท

รวมไปถึงแผนการทำตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะแผนการเปิดจุดขายที่เป็นสินค้ารองเท้าผู้หญิงอย่างเดียวในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะเปิดชอปอินชอปผู้หญิงอย่างเดียวที่สยามพารากอนจากเดิมที่มีอยู่แล้วเป็นสินค้ารวม

ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวร้านแฟลกชิปสแตนด์อะโลนชอปแห่งแรกในไทยที่เมกะบางนา ชั้น 1 พื้นที่ประมาณ 57 ตารางเมตร ออกแบบและตกแต่งตามคอนเซ็ปต์บริษัทแม่ที่อังกฤษ ทั้งการวางสินค้า การวางงานระบบ การตกแต่ง ซึ่งวัตถุดิบส่วนใหญ่สั่งตรงจากต่างประเทศด้วยงบประมาณตกแต่ง 2 ล้านบาท และงบสต๊อกสินค้าอยู่ที่ 5 ล้านบาท

สาเหตุที่เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกที่เมกะบางนา ทั้งที่ตอนแรกดูพื้นที่ย่านสยามฯ ใจกลางเมืองอยู่ แต่สุดท้ายก็มาลงที่นี่ ซึ่งบริษัทแม่ก็เห็นชอบและอนุมัติด้วย เพราะเป็นศูนย์การค้าที่มีศักยภาพ เป็นโครงการขนาดใหญ่ และมีแม็กเนตขนาดใหญ่ถึง 5 อย่าง เช่น อิเกีย โรบินสัน บิ๊กซี เมกะซีนีเพล็กซ์ และโฮมโปร

ทั้งนี้ ตลอด 7 ปีที่ทำตลาดในไทยมีจุดขายในห้างสรรพสินค้าทั้งหมด 15 แห่ง ซึ่งปีนี้ก็มีแผนขยายจุดขายต่อเนื่อง เช่น เคาน์เตอร์ 3 จุด เปิดแล้วที่เซน เป็นต้น โดยปีที่แล้วมียอดขายประมาณ 10,000 คู่ ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 12,000 คู่ เนื่องจากผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ และห้างเซนปิดปรับปรุง ขณะที่ปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายที่ 12,000-15,000 คู่ หรือมียอดขายประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งรองเท้ามีราคาเฉลี่ยที่ 5,000-14,000 บาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้มีการปรับราคาสินค้าขึ้นเล็กน้อยเฉลี่ย 5-10% เมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น ระดับราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 บาท

“บริษัทฯ แม่พอใจผลการดำเนินงานของเราอย่างมาก ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัทฯ เพิ่งได้รับการต่อสัญญาจากทางบริษัทแม่ให้ทำตลาดได้อีก 5 ปี จากเดิมที่ครบ 7 ปีแล้ว ซึ่งเราตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี และต้องทำตลาดมากขึ้นรวมทั้งขยายจุดจำหน่ายมากขึ้นด้วย”

โดยปีนี้ตั้งงบการตลาดไว้ที่ 5 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 3 ล้านบาทเพื่อเน้นสร้างแบรนด์และโปรโมชัน รวมไปถึงการบุกนิวมีเดียและการทำดิจิตอลมาร์เกตติ้งด้วย โดยเดือนมีนาคมได้เปิดเฟซบุ๊ก ออฟฟิศเชียล แฟนเพจ ของแบรนด์ครั้งแรกในเมืองไทย เพื่อรวบรวมข้อมูลลูกค้าและสร้างชุมชนขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสนุกและแชร์ประสบการณ์ ซึ่ง 3 เดือนมีแฟนเพจกว่า 4,000 คน

นางสุดากล่าวด้วยว่า ปัจจุบันเริ่มมีสินค้าในไลน์ใกล้เคียงกันเข้ามาทำตลาดในไทย ทั้งแบรนด์เรดวิง และแบรนด์พาลาเดียม เป็นต้น จากสหรัฐอเมริกา เนื่องจากตลาดรองเท้าบูตมีการเติบโตค่อนข้างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น