ศูนย์การศึกษาการค้าระหว่างประเทศเผยโอกาสไทยบุกพม่าหลังเปิด AEC พบการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมจะขยายตัวดีขึ้น แต่เกษตรอาจลดลง ส่วนการลงทุนมีโอกาสเพิ่มมาก
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ทำการวิเคราะห์โอกาสส่งออกของไทยไปพม่าหลังการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งพบว่าการส่งออกไทยไปพม่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 27.1% ต่อปี หรือสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น 2 เท่า มูลค่าเพิ่มเป็น 1.42 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าการส่งออกไปพม่าก่อนเปิด AEC ที่มีมูลค่าประมาณ 7,010 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายการกลุ่มสินค้า พบว่าสินค้าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มสดใส เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออก โดยสัดส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทยไปตลาดพม่าหลังเปิด AEC จะเพิ่มเป็น 74.3% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 72.7% และมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นจาก 5,093 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี เป็น 1.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/ปี หรือขยายตัวจาก 19.8% ต่อปี เพิ่มเป็น 27.7% ต่อปี
ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปพม่าหลังเปิด AEC พบว่าสัดส่วนลดลงเหลือ 25.7% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 27.3% แต่ยังขยายตัวได้ในอัตราเฉลี่ย 0.9% ต่อปี ซึ่งมูลค่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1,917 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี เป็น 3,646 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
ทางด้านการลงทุน พบว่าค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะหลังจากที่พม่าเปิดประเทศ มีการแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุน เช่น ยกเว้นภาษีให้นักลงทุนจาก 3 ปี เพิ่มเป็น 5 ปี ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะย้ายฐานการลงทุนไปพม่าเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งพม่ายังมีทรัพยากรอีกมาก และมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งท่าเรือและโรงแรมระดับ 5 ดาว เป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะต้องเร่งไปลงทุนทั้งธุรกิจท่องเที่ยว ลอจิสติกส์ สิ่งทอ รองเท้า อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูป ก่อสร้าง และธุรกิจบริการ เช่น อู่ซ่อมรถ
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศูนย์ฯ ได้ทำการวิเคราะห์โอกาสส่งออกของไทยไปพม่าหลังการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ในปี 2558 ซึ่งพบว่าการส่งออกไทยไปพม่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 27.1% ต่อปี หรือสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น 2 เท่า มูลค่าเพิ่มเป็น 1.42 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าการส่งออกไปพม่าก่อนเปิด AEC ที่มีมูลค่าประมาณ 7,010 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายการกลุ่มสินค้า พบว่าสินค้าอุตสาหกรรมมีแนวโน้มสดใส เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออก โดยสัดส่วนการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมไทยไปตลาดพม่าหลังเปิด AEC จะเพิ่มเป็น 74.3% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 72.7% และมูลค่าการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมจะเพิ่มขึ้นจาก 5,093 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี เป็น 1.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/ปี หรือขยายตัวจาก 19.8% ต่อปี เพิ่มเป็น 27.7% ต่อปี
ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรไทยไปพม่าหลังเปิด AEC พบว่าสัดส่วนลดลงเหลือ 25.7% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 27.3% แต่ยังขยายตัวได้ในอัตราเฉลี่ย 0.9% ต่อปี ซึ่งมูลค่าจะเพิ่มขึ้นจาก 1,917 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี เป็น 3,646 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
ทางด้านการลงทุน พบว่าค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะหลังจากที่พม่าเปิดประเทศ มีการแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุน เช่น ยกเว้นภาษีให้นักลงทุนจาก 3 ปี เพิ่มเป็น 5 ปี ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะย้ายฐานการลงทุนไปพม่าเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งพม่ายังมีทรัพยากรอีกมาก และมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งท่าเรือและโรงแรมระดับ 5 ดาว เป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะต้องเร่งไปลงทุนทั้งธุรกิจท่องเที่ยว ลอจิสติกส์ สิ่งทอ รองเท้า อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูป ก่อสร้าง และธุรกิจบริการ เช่น อู่ซ่อมรถ
