“เอสเอฟ” ฮึดเข้าตลาดหุ้นอีกรอบในปีหน้าหลังชะลอเพราะการเมืองวุ่น เปิดแผนรุกสร้างรายได้เติบโต 15% ต่อปีต่อเนื่อง เผยรุกภูธรมากขึ้น ปีหน้าพร้อมเล็ง 3 ทำเลหลักกรุงเทพ บางนา ปิ่นเกล้า รังสิต ลั่นพร้อมผุดศูนย์การค้าเองหากพื้นที่ไหนมีศักยภาพ ปีนี้ปล่อยหมัดเด็ดผุด 7 สาขามากสุด
นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอส เอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตให้ธุรกิจต่อเนื่องเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 10-15% เป็นอย่างต่ำนับจากนี้ เพื่อเป้าหมายการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2556 หากไม่มีปัจจัยลบเกิดขึ้นเหมือนช่วง 4 ปีก่อนที่บริษัทมีแผนเดิมอยู่แล้วว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในช่วงเวลาดังกล่าวแต่ก็ต้องชะลอไปก่อน อย่างไรก็ตาม หากปีหน้ามีปัจจัยลบเกิดขึ้นอีกบริษัทก็พร้อมที่จะเลื่อนการนำบริษัทเข้าตลาดหุ้นออกไปก่อนอีกเช่นกัน
ทั้งนี้ ในปี 2556 บริษัทฯ เตรียมที่จะขยายสาขาใหม่ในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะสนใจทำเลหลัก 3 แห่ง คือ บางนา ปิ่นเกล้า และรังสิต เนื่องจากทั้ง 3 ทำเลยังไม่มีโครงการของบริษัทฯ เปิดบริการ แต่เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ มีประชากรจำนวนมากความต้องการของตลาดก็มีสูง ซึ่งหากไม่มีศูนย์การค้าใหม่เปิดบริการ บริษัทฯ ก็เตรียมที่จะลงทุนพัฒนาศูนย์การค้าขึ้นมาเอง ใช้พื้นที่ประมาณ 5-10 ไร่
ขณะที่แผน 3 ปีจากนี้มีแผนที่จะขยายการลงทุนในต่างจังหวัดมากขึ้น โดยให้ความสำคัญต่อหัวเมืองใหญ่ โดยใช้ทุกรูปแบบของการลงทุน ทั้งการเปิดร่วมกับศูนย์การค้าท้องถิ่น หรือเครือเซ็นทรัลหรือเดอะมอลล์ ขณะเดียวกัน หากจังหวัดที่มีศักยภาพยังไม่มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่เปิดบริการ ก็พร้อมที่จะพัฒนาศูนย์ฯ ขึ้นมาเองเช่นกัน
ส่วนปี 2555 นี้ บริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 500-700 ล้านบาทเพื่อขยายสาขาใหม่อีก 7 แห่ง โดยอยู่ในต่างจังหวัดทั้งหมด คือ สาขาสุพรรณบุรี เปิดร่วมกับห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาอุบลราชธานี เปิดร่วมกับศูนย์การค้าท้องถิ่นภายใต้ชื่อ สุนีย์พลาซ่า สาขาสุราษฎร์ธานี เปิดร่วมกับศูนย์การค้าซีพีเอ็น สาขาลำปาง เปิดร่วมกับศูนย์การค้าซีพีเอ็น สาขามหาสารคาม เปิดร่วมกับศูนย์การค้าเสริมไทย สาขาอุดรธานี เปิดร่วมกับศูนย์การค้าซีพีเอ็น และสาขาลพบุรี เปิดร่วมกับศูนย์การค้ามังกี้มอลล์
“ปีนี้เป็นปีที่เราเปิดสาขาใหม่มากที่สุดก็ว่าได้ตั้งแต่ทำธุรกิจมา แต่ถ้าหากมองจำนวนโรงหนังถือว่ายังน้อยอยู่ เพราะสาขาในต่างจังหวัดจะสร้างโรงหนังแต่ละสาขาได้อย่างมาก 5-7 โรงเท่านั้นเอง ส่วนถ้าเป็นตัวเมืองหรือกรุงเทพฯ ก็จะมีจำนวนโรงหนังมากสุด 12-13 โรงต่อสาขา จึงทำให้ต้องเน้นต่างจังหวัดมากขึ้น” นายสุวัฒน์กล่าว
ส่วนผลประกอบการของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งแรกปี 2555 นี้ บริษัทฯ มีรายได้เติบโตประมาณ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะจากสาขาใหม่คือ เซ็นทรัลพระราม 9 และเทอร์มินอล 21 เริ่มรับรู้รายได้แล้ว ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้เติบโตแบบก้าวกระโดดอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท