“อินเด็กซ์” สยายปีกลุยอาเซียนระลอก 2 ร่วมทุนไตร เวียด มีเดีย คอร์ปอเรชั่น ผุดบริษัท “ทีวีเอ็ม อินเด็กซ์” รุกธุรกิจอีเวนต์เต็มสูบ เล็งรุกต่อที่ฮ่องกง อินโดนีเซีย จีน
นายเกรียงกานต์ กาญจนโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังที่อินเด็กซ์วางแผนบุกตลาดอีเวนต์นอกประเทศไทยตั้งแต่ต้นปี 2555 เป็นต้นมา หลังเล็งเห็นศักยภาพในการเติบโตหลังจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558
ล่าสุดทางบริษัทได้ตัดสินใจจับมือกับพันธมิตร คือ บริษัท ไตร เวียด มีเดีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในการเปิดบริษัทร่วมทุนขึ้นภายใต้ชื่อ บริษัท ทีวีเอ็ม อินเด็กซ์ จำกัด ให้บริการงานในด้านการบริหารจัดการ และรับจัดงานในธุรกิจอีเวนต์ พร้อมผลิตสื่อมัลติมีเดียครบวงจร โดยมีสำนักงานตั้งอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม
“จริงๆ บริษัทเข้ามาศึกษาตลาดในเวียดนามได้ราว 1 ปีแล้ว พร้อมมองหาความเป็นไปได้ที่จะร่วมทุนกับบริษัทโลคัล ซึ่งศึกษาอยู่นานจึงได้ตัดสินใจร่วมทุนกับทางไตร เวียดฯ ในครั้งนี้ ภายใต้สัดส่วนการลงทุนของทางไตร เวียด 51% และอินเด็กซ์ 49% ซึ่งตลาดที่เวียดนามใหญ่มาก มีประชากรกว่า 90 ล้านคน อีเวนต์หลักยังคงจับกลุ่มแมส โดยขั้นแรกจะโฟกัสที่โฮจิมินห์ก่อนเพราะเป็นเมืองเศรษฐกิจของเวียดนาม เบื้องต้นเน้นไปยังอีเวนต์ภาครัฐ รวมถึงสนับสนุนบริษัทต่างชาติและโลคัล 60% และลูกค้าจากไทยที่เข้ามาบุกตลาดในเวียดนาม 40%”
อย่างไรก็ตาม ทิศทางธุรกิจอีเวนต์ในเวียดนาม เมื่อเทียบกับพม่าที่บริษัทเข้าไปบุกเป็นประเทศแรกเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พบว่าที่เวียดนามทำยากกว่าเพราะมีคู่แข่งมากกว่า ขณะที่ตลาดอีเวนต์ก็มีการเติบโตมากแล้ว ซึ่งความพร้อมที่เวียดนามยังมีพื้นที่จัดงานเอ็กซิบิชันรองรับไว้แล้ว จึงสะดวกต่อการจัดงานอีเวนต์มากขึ้น
กลุ่มสินค้าที่มีการจัดงานอีเวนต์มากที่สุด ได้แก่ กลุ่มรถยนต์ สินค้าคอนซูเมอร์โปรดักต์ และเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ ตั้งเป้าว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีรายได้จากการรุกตลาดเวียดนามประมาณ 40 ล้านบาท และใน 5 ปีข้างหน้าคาดว่าจะทำได้ 196 ล้านบาท
นายเกรียงกานต์กล่าวต่อว่า อินเด็กซ์กำลังมุ่งเน้นการบริหารจัดการทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เกิดมูลค่าสูงสุดในพื้นที่นอกประเทศ กับการพัฒนาโครงการขึ้นมา 1 โครงการในการไปจัดนิทรรศการในต่างประเทศ ซึ่งจะเริ่มภายในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ภายหลังจากการบุกทำธุรกิจในต่างประเทศ
ทั้งนี้ หลังร่วมทุนในเวียดนามแล้ว ยังสนใจที่จะเพิ่มการลงทุนไปยังฮ่องกง และอินโดนีเซีย และจีนต่อไป รวมถึงกลุ่มมิดเดิลอีสต์ด้วย เชื่อว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือในปี 2017 สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศทั้งหมดน่าจะอยู่ที่ 40% จากปี 2013 วางไว้ 20% ขณะที่รายได้รวมสิ้นปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 2,145 ล้านบาท เติบโต 15%
