เอแบคโพลล์ ชี้ ประชาชน จำนวนกว่า 91% ไม่ทราบรายละเอียด พ.ร.บ. ปรองดอง โดยเกือบ 70% ไม่เชื่อ กม.ฉบับนี้ นำไปสู่ความสงบร่มเย็นของบ้านเมืองได้จริง อยากให้นักการเมือง เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ข้าวของแพง จะดีกว่า พร้อมมอง กม.ปรอดอง มีแต่นักการเมืองที่ได้ประโยชน์
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง “ร่าง พ.ร.บ. ปรองดองแห่งชาติ กับ ความสงบร่มเย็นของสังคมไทย” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จันทบุรี ลพบุรี ปทุมธานี ชลบุรี ลำปาง อุตรดิตถ์ เชียงใหม่ มุกดาหาร หนองคาย หนองบัวลำภู สุรินทร์ อุดรธานี ขอนแก่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 2,258 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 พฤษภาคม 2555 ถึงวันที่ 2 มิถุนายน 2555
ทั้งนี้ ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.9 ไม่เคยทราบรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ นายนิยม วรปัญญา และคณะ ร้อยละ 90.2 ไม่เคยรับทราบรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับ นายสามารถ แก้วมีชัย และคณะ ในขณะที่ ร้อยละ 83.6 ไม่เคยทราบรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ฉบับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และคณะ และร้อยละ 75.4 ไม่เคยทราบรายละเอียดของร่าง พ.ร.บ. ปรองดอง ฉบับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 66.2 ไม่มีความหวังต่อ ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง จะนำไปสู่ความสงบร่มเย็นของบ้านเมือง มีเพียงร้อยละ 33.8 เท่านั้นที่มีความหวัง และที่น่าพิจารณาคือ ร้อยละ 88.9 อยากให้ฝ่ายการเมือง เร่งแก้ปัญหาปากท้อง ข้าวของแพง ก่อนไปผลักดันการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ในขณะที่ ร้อยละ 11.1 อยากให้เร่งผลักดันการพิจารณาผ่านร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง ก่อน โดยผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.0 ระบุว่า การผลักดัน พ.ร.บ.ปรองดอง ทำให้ฝ่ายการเมืองได้ประโยชน์ ในขณะที่ร้อยละ 20.0 ระบุ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ประโยชน์
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.7 ยังระบุด้วยว่า ความขัดแย้งบานปลายในหมู่ประชาชนที่เกิดจาก ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ นี้ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลมาก ถึง มากที่สุด และร้อยละ 61.3 ระบุ ความขัดแย้งบานปลายในหมู่ประชาชนที่เกิดจาก ร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง นี้ ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและการทำธุรกิจระดับมาก ถึง มากที่สุด
