“เวรี่ทีวี” ติดลมบนหลังปีแรกคว้ารายได้ 70 ล้านบาท ทุ่มอีก 20 ล้านบาทลุยต่อ เพิ่มอีก 8 รายการ จัด 6 คอนเสิร์ต พร้อมเปิดตัวทีวีดิจิตอลปลายปีนี้ ลั่นไม่ขายธุรกิจ เผยมีขาใหญ่รุมจีบขอซื้อหุ้น ตั้งเป้าปีนี้รายได้ 100 ล้านบาท
นายสมิทธิ เพียรเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวรี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรายการโทรทัศน์แบรนด์ “เวรี่ทีวี” (VERY TV) ออกอากาศทางเครือข่ายทรูวิชั่นส์ช่อง 85 เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทฯ จะลงทุนต่อเนื่องในการสร้างศักยภาพให้แก่ช่องเวรี่ทีวี ซึ่งเข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว โดยปีนี้จะใช้งบลงทุนรวม 20 ล้านบาท ทั้งการลงทุนผลิตรายการ การจัดกิจกรรม และการจัดงานคอนเสิร์ตต่างๆ
ปีนี้จะผลิตรายการเพิ่มอีก 8 รายการ จากเดิมมีอยู่แล้ว 25 รายการ ซึ่งเน้นการผลิตเองไม่ซื้อลิขสิทธิ์รายการจากที่อื่น แต่มีบ้างที่ร่วมผลิตรายการกับพันธมิตร เช่น ร่วมกับทางชีสแมกกาซีนผลิตรายการชีสทีวี แนวดีไอวาย หรือรายการสการีทีวี รายการผีเด็กแนวที่ร่วมกับทาง “ป๋อง-กพล ทองพลับ” เป็นต้น
ส่วนการจัดคอนเสิร์ตนั้น ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะจัดประมาณ 6 งานต่อปี ซึ่งจะเป็นคอนเสิรต์ขนาดกลางระดับคนดูเฉลี่ย 2,000-4,000 คน ขณะที่การจัดกิจกรรมการตลาดจะมีต่อเนื่องทั้งปี เพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดและสร้างความสัมพันธ์ร่วมกับแฟนรายการด้วย เช่น การจัดคอนเสิร์ตเวรี่ไลฟ์ของบริษัทฯ เป็นประจำทุกเดือน หรือการจัดกิจกรรมเข้าสู่สถาบันการศึกษากลุ่มเป้าหมายที่เป็นมิลเลนเนียมเจน หรือกลุ่มที่เติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต
สำหรับค่าโฆษณา บริษัทฯ ได้ปรับราคาขึ้นมาเล็กน้อยเป็น 6,000 บาทต่อนาที จากปีที่แล้ว 5,000 บาทต่อนาที ซึ่งมีรูปแบบที่ขายเป็นแพกเกจด้วย มีทั้งลูสสปอตกับไทน์อิน เฉลี่ยแพกเกจละ 300,000-400,000 บาท แล้วแต่รูปแบบไม่ตายตัว
ทั้งนี้ กลุ่มเป้าหมายหลักของเวรี่ทีวีจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง คนรุ่นใหม่ อายุเฉลี่ย 12-35 ปี ซึ่งรายการของเวรี่ทีวีจะรับชมได้ผ่านทุกแพกเกจของทรูวิชั่นส์ทั้งแบบเก็บค่าสมาชิกและฟรีวิวของทรูวิชั่นส์ หรือกลุ่มที่มีกล่องสัญญาณของทรู ซึ่งปัจจุบันเรามีฐานผู้ชมมากกว่า 2 ล้านครัวเรือนหรือประมาณ 8 ล้านคน
ในอนาคตบริษัทฯ มีแผนที่จะขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดคาดว่าภายในปลายปีนี้จะสามารถเปิดตัวทีวีดิจิตอลได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพัฒนาและเตรียมการ ส่วนอนาคตจะมีช่องทีวีเพิ่มอีกช่องหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้เพราะต้องขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะด้วยว่าเป็นอย่างไร แต่ระยะสั้นนี้จะดำเนินการกับช่องนี้อย่างเต็มที่ก่อน
สำหรับปีนี้ รอบบัญชีจะจบลงในเดือนพฤษภาคม 2556 (มิ.ย. 55-พ.ค. 56) บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายผลประกอบการไว้ที่ 100 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโฆษณา 70% และรายได้จากการจัดกิจกรรม 30% เพิ่มจากปีที่แล้วที่เป็นปีแรกมีรายได้รวม 70 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปีหน้าต้องการสัดส่วนรายได้จากการจัดกิจกรรมเพิ่มเป็น 35% และสัดส่วนรายได้จากโฆษณาเป็น 65%
นายสมิทธิกล่าวด้วยว่า แม้ว่าธุรกิจจะทำมาได้เพียงปีเดียว แต่ก็ประสบความสำเร็จในแง่ของการยอมรับจากทางผู้ชม รวมทั้งรายได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีประสบการณ์ในวงการทีวีและบันเทิงนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่บริษัทฯ ยังยืนยันที่จะทำธุรกิจและลงทุนด้วยตัวเองในรูปแบบการเป็นเถ้าแก่เอง หรืออองเทอร์พรีเนอร์ (ENTERPRENEUR) ซึ่งที่ผ่านมาก็มีบริษัทใหญ่ติดต่อเจรจาเพื่อขอซื้อหุ้นเช่นกัน แต่บริษัทฯ ไม่ขายเพราะต้องการดำเนินการเอง