ASTVผู้จัดการรายวัน – “ไอ.ซี.ซี.ฯ” ไม่หวั่นแฟชั่นแบรนด์เนมใหม่ๆ บุกไทย ลั่นปรับตัวรองรับมือได้ ทั้งโปรโมชัน กลยุทธ์ตลาด คอลเลกชันใหม่ๆ พร้อมขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ล่าสุดรับสิทธิ์แบรนด์แอลเพิ่มที่อินโดจีน
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ผู้รับสิทธิ์ทำตลาดสินค้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นแบรนด์เนมจากต่างประเทศ กล่าวว่า ยอดขายรวมในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ของบริษัทฯ ยังคงมีอัตราการเติบโต 10% โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นของผู้บริโภคคนไทยที่ยังคงจับจ่ายสินค้ากลุ่มแฟชั่นต่อเนื่อง ส่วนกรณีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก
รวมไปถึงกรณีที่กลุ่มสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมรายใหม่ๆ จากต่างประเทศที่เตรียมแผนขยายการทำตลาดในเอเชียและประเทศไทยมากขึ้นนับจากนี้ไป บริษัทฯ ก็ไม่กังวลเพราะได้มีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว โดยได้ปรับแผนการทำตลาดทั้งเชิงรุกและรับอย่างต่อเนื่อง มีการปรับกลยุทธ์แคมเปญโปรโมชันต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า การออกแบบสินค้าใหม่ให้เป็นที่น่าสนใจ จากปัจจุบันบริษัททำตลาดสินค้าแบรนด์แฟชั่นมากกว่า 50 แบรนด์ทั้งไทย และต่างประเทศ และทั้งของบริษัทฯ กับไลเซนส์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดแฟชั่นเครื่องแต่งกายไปยังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ทั้งที่ได้รับสิทธิ์ใหม่ๆ และที่ได้รับสิทธิ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะประเทศใหม่ๆ เช่น ประเทศพม่า และเตรียมแผนขยายฐานการผลิตเพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่ม โดยใช้แบรนด์หลักที่มีอยู่เข้าไปทำตลาด
“บริษัทมีแผนลงทุนในพม่ามากขึ้นเพราะเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องแฟชั่น ซึ่งจะเข้าไปหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่เหมาะสม จากปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิตในประเทศพม่าอยู่แล้ว” นายบุญเกียรติกล่าว
ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์การทำตลาดเครื่องแต่งกายแบรนด์ “แอล” (ELLE) จากบริษัทแม่ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น โดยได้รับผิดชอบให้เข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศอินโดจีน ทั้งพม่า, ลาว และกัมพูชา จากเดิมรับสิทธิ์ทำตลาดในไทยมานาน 20 ปี ซึ่งบริษัทฯ จะนำสินค้าที่มีความเหมาะสมเข้าไปทำตลาดแต่ละประเทศ
ส่วนผลการดำเนินงานในปีที่แล้วมีอัตราการเติบโต 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดในปีนี้มีอัตราการเติบโตแบบท้าทายไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งบริษัทมี 5 แบรนด์หลักทำตลาด คือ วาโก้, บีเอสซี, ลาคอสต์, แอล และแอร์โรว์ ซึ่งสร้างยอดขายรวมกันกว่า 60% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆ
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ ผู้รับสิทธิ์ทำตลาดสินค้าเครื่องแต่งกายแฟชั่นแบรนด์เนมจากต่างประเทศ กล่าวว่า ยอดขายรวมในช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ของบริษัทฯ ยังคงมีอัตราการเติบโต 10% โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นของผู้บริโภคคนไทยที่ยังคงจับจ่ายสินค้ากลุ่มแฟชั่นต่อเนื่อง ส่วนกรณีการปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันนั้นก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทมากนัก
รวมไปถึงกรณีที่กลุ่มสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมรายใหม่ๆ จากต่างประเทศที่เตรียมแผนขยายการทำตลาดในเอเชียและประเทศไทยมากขึ้นนับจากนี้ไป บริษัทฯ ก็ไม่กังวลเพราะได้มีการเตรียมตัวมาก่อนแล้ว โดยได้ปรับแผนการทำตลาดทั้งเชิงรุกและรับอย่างต่อเนื่อง มีการปรับกลยุทธ์แคมเปญโปรโมชันต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า การออกแบบสินค้าใหม่ให้เป็นที่น่าสนใจ จากปัจจุบันบริษัททำตลาดสินค้าแบรนด์แฟชั่นมากกว่า 50 แบรนด์ทั้งไทย และต่างประเทศ และทั้งของบริษัทฯ กับไลเซนส์
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีแผนขยายตลาดแฟชั่นเครื่องแต่งกายไปยังภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ทั้งที่ได้รับสิทธิ์ใหม่ๆ และที่ได้รับสิทธิ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะประเทศใหม่ๆ เช่น ประเทศพม่า และเตรียมแผนขยายฐานการผลิตเพื่อรองรับตลาดในภูมิภาคนี้เพิ่ม โดยใช้แบรนด์หลักที่มีอยู่เข้าไปทำตลาด
“บริษัทมีแผนลงทุนในพม่ามากขึ้นเพราะเป็นตลาดที่ยังมีโอกาสอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องแฟชั่น ซึ่งจะเข้าไปหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่เหมาะสม จากปัจจุบันบริษัทมีฐานการผลิตในประเทศพม่าอยู่แล้ว” นายบุญเกียรติกล่าว
ล่าสุดบริษัทฯ ได้รับสิทธิ์การทำตลาดเครื่องแต่งกายแบรนด์ “แอล” (ELLE) จากบริษัทแม่ในฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น โดยได้รับผิดชอบให้เข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศอินโดจีน ทั้งพม่า, ลาว และกัมพูชา จากเดิมรับสิทธิ์ทำตลาดในไทยมานาน 20 ปี ซึ่งบริษัทฯ จะนำสินค้าที่มีความเหมาะสมเข้าไปทำตลาดแต่ละประเทศ
ส่วนผลการดำเนินงานในปีที่แล้วมีอัตราการเติบโต 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ และคาดในปีนี้มีอัตราการเติบโตแบบท้าทายไม่ต่ำกว่า 30% ซึ่งบริษัทมี 5 แบรนด์หลักทำตลาด คือ วาโก้, บีเอสซี, ลาคอสต์, แอล และแอร์โรว์ ซึ่งสร้างยอดขายรวมกันกว่า 60% ที่เหลือเป็นแบรนด์อื่นๆ
