“ศิริวัฒน์” ขานรับยุทธศาสตร์รัฐบาลต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน เร่งผลักดันโดยใช้ความโปร่งใสและธรรมาภิบาลภาครัฐขยายสู่ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดสายด่วน 1570 ให้ประชาชนแจ้งข้อมูล
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันภาครัฐเป็นนโยบายที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน จึงได้สั่งการกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ในระดับสูงสุด เนื่องจากเป็นหน่วยงานบริการประชาชนโดยตรง
ในการนี้ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการ ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ของกรมฯ ทุกคนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง รวมทั้งใช้นโยบายเชิงรุกปลุกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจในการปฏิบัติงานให้เกิดขึ้นในสายตาประชาชน และเพื่อให้เป็นต้นแบบ บริการที่โปร่งใส ไร้ทุจริตคอร์รัปชัน จึงกำหนดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ณ หน่วยงานบริการประชาชน ชั้น 4 ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดกระทำการไม่โปร่งใส ทุจริต สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วน 1570
นอกจากนี้ยังมีนโยบายขยายการดำเนินการสู่ภาคธุรกิจ โดยกระตุ้นให้ธุรกิจมีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม ความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจไทยด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจที่มีรอบปีบัญชี 2554 นำส่งงบการเงินภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 ซึ่งหากส่งงบการเงินที่ถูกต้อง โปร่งใส และมีมาตรฐาน พร้อมจัดส่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจะส่งผลให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจนั้นๆ และก่อให้เกิดหลักพื้นฐานของการสร้างธรรมาภิบาล อันจะส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้ หากฝ่าฝืน ส่งงบการเงินล่าช้าหรือไม่ส่งงบการเงินก็จะถูกปรับ ซึ่งปัจจุบันการกำหนดโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงขึ้น โดยปรับนิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และปรับกรรมการผู้รู้เห็นไม่เกิน 50,000 บาท นอกจากปรับแล้วยังมีการเรียกตรวจบัญชีอย่างละเอียด ลงโทษตามกฎหมายบัญชีหากมีการทำผิด พร้อมหมายเหตุแจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคลว่าไม่ส่งงบการเงิน รวมทั้งนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบ และถ้าพบว่าไม่นำส่งงบการเงินติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี จะทำการเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ
นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชันภาครัฐเป็นนโยบายที่ต้องดำเนินการโดยเร่งด่วน จึงได้สั่งการกรมพัฒนาธุรกิจการค้าให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ในระดับสูงสุด เนื่องจากเป็นหน่วยงานบริการประชาชนโดยตรง
ในการนี้ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการ ลูกจ้าง เจ้าหน้าที่ของกรมฯ ทุกคนถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลเป็นที่ตั้ง รวมทั้งใช้นโยบายเชิงรุกปลุกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักให้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจในการปฏิบัติงานให้เกิดขึ้นในสายตาประชาชน และเพื่อให้เป็นต้นแบบ บริการที่โปร่งใส ไร้ทุจริตคอร์รัปชัน จึงกำหนดจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน ณ หน่วยงานบริการประชาชน ชั้น 4 ซึ่งหากพบว่าเจ้าหน้าที่คนใดกระทำการไม่โปร่งใส ทุจริต สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วน 1570
นอกจากนี้ยังมีนโยบายขยายการดำเนินการสู่ภาคธุรกิจ โดยกระตุ้นให้ธุรกิจมีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม ความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจไทยด้วยการเชิญชวนผู้ประกอบธุรกิจที่มีรอบปีบัญชี 2554 นำส่งงบการเงินภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2555 ซึ่งหากส่งงบการเงินที่ถูกต้อง โปร่งใส และมีมาตรฐาน พร้อมจัดส่งภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดจะส่งผลให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ รวมถึงสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจนั้นๆ และก่อให้เกิดหลักพื้นฐานของการสร้างธรรมาภิบาล อันจะส่งผลให้เกิดความเข้มแข็งต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้ หากฝ่าฝืน ส่งงบการเงินล่าช้าหรือไม่ส่งงบการเงินก็จะถูกปรับ ซึ่งปัจจุบันการกำหนดโทษผู้กระทำความผิดรุนแรงขึ้น โดยปรับนิติบุคคลสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท และปรับกรรมการผู้รู้เห็นไม่เกิน 50,000 บาท นอกจากปรับแล้วยังมีการเรียกตรวจบัญชีอย่างละเอียด ลงโทษตามกฎหมายบัญชีหากมีการทำผิด พร้อมหมายเหตุแจ้งเตือนในหนังสือรับรองนิติบุคคลว่าไม่ส่งงบการเงิน รวมทั้งนำชื่อขึ้นเว็บไซต์ของกรมฯ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบ และถ้าพบว่าไม่นำส่งงบการเงินติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี จะทำการเพิกถอนหรือขีดชื่อออกจากทะเบียนธุรกิจ