ASTVผู้จัดการรายวัน - กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตั้งเรื่องขอ 200 ล้านบาทจากงบปี 2556 ว่าจ้างบริษัทที่จะเข้ามาบริหารจัดการศูนย์ประชุมฯ เชียงใหม่ ยอมรับเสร็จไม่ทันปีนี้ ต้องให้ ททท.รับหน้าเสื่อไปก่อน
นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2556 ได้เตรียมตั้งงบประมาณ 200 ล้านบาท สำหรับจัดจ้างบริษัทที่จะเข้ามาบริหารจัดการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ ในรูปแบบสัญญาปีต่อปี ส่วนระหว่างนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลบริหารจัดการศูนย์ประชุมฯ ในระยะเริ่มต้น 2-3 ปีแรก โดยจะต้องเริ่ม 2 ภารกิจสำคัญ คือ 1. ศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงศักยภาพของเชียงใหม่ในฐานะศูนย์กลางการจัดประชุม โดยวิเคราะห์ปัจจัยรอบด้าน เช่น ยุทธศาสตร์ที่ตั้ง โครงการพัฒนาเส้นทางคมนาคมอย่างการเปิดเส้นทาง R3a ว่าจะมีส่วนส่งเสริมธุรกิจการจัดประชุมมากน้อยอย่างไร และ 2. นำผลการศึกษานั้นมาเป็นข้อมูลพื้นฐานด้านการพิจารณาระยะคืนทุนซึ่งจะระบุอยู่ในเงื่อนไขในการประมูลโครงการทีโออาร์
สำหรับบริษัทที่ต้องการเข้ามาบริหารศูนย์ประชุมฯ จะต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐกับเอกชน หากผลการศึกษาพบว่าเชียงใหม่มีศักยภาพก็อาจจะกำหนดระยะคืนทุนให้เร็วขึ้น คือ จากที่วางไว้ 30 ปี ก็อาจลดเหลือ 15 ปี โดยการร่างทีโออาร์หาบริษัทมารับบริหารครั้งนี้ต้องทำอย่างรอบคอบ และต้องนำเข้าที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาด้วย จึงไม่น่าจะเสร็จทันปีนี้ ซึ่งจะไม่พร้อมกับศูนย์ประชุมฯ ที่คาดว่าจะเปิดทันในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าอย่างแน่นอน โดยขณะนี้เหลือเพียงการติดตั้งระบบคุรุภัณฑ์ และปรับภูมิทัศน์บริเวณศูนย์ประชุมฯ อีกเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม โครงการศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเชียงใหม่ เป็นโครงการที่ลงทุนโดยรัฐบาลผ่านการกำกับควบคุมจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ใช้งบก่อสร้างเกือบ 2,000 ล้านบาท ดังนั้น จึงต้องเน้นให้มืออาชีพเข้ามาบริหารเพื่อให้เกิดรายได้และกำไรสูงสุด และเมื่อถนนเส้นทาง R3a เปิดใช้ เชื่อว่าเชียงใหม่จะเป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพของการจัดประชุมในภูมิภาคภาคเหนือของไทย
ก่อนหน้านี้ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวไว้ว่า เริ่มต้นคงหาบริษัทเข้ามาบริหารไม่ทัน จึงมอบให้ ททท.เป็นผู้บริหารและทำการตลาดในระยะแรก ซึ่งอาจจะรับทั้งการจัดประชุม สัมมนา รวมถึงการรับจัดงานแต่งงานให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคู่แต่งงานจากประเทศอินเดีย ซึ่งในการแต่งงานแต่ละครั้งจะใช้เงินนับ 10 ล้านบาท เชิญแขกร่วมงานนับร้อยคน