ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้งจ่อลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มอีก 200 เมกะวัตต์ที่ออสเตรเลีย ใช้เงินทุนเฉียด 2 หมื่นล้านบาท คาดว่า 1-2 ปีมีความชัดเจนขึ้น เผยพร้อมเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบใหม่หากรัฐเปิดให้เอกชนลงทุนไอพีพีได้
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมเพิ่มเติมอีก 200 เมกะวัตต์ในประเทศออสเตรเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่น คาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้จะมีความชัดเจนขึ้น
การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมใหม่นี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 18,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในออสเตรเลีย 1,126 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังลม 150 เมกะวัตต์ หลังจากเข้าไปซื้่อหุ้นในกองทุน Transfield Services Infrastructure Fund (TSIF) ซึ่งเป็นกองทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภคในออสเตรเลีย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท RATCH-Australia Corporation Limited หรืออาร์เอซี ที่บริษัทฯ จะถือหุ้นจนครบ 80% ภายในกลางปีนี้
การตัดสินใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมในออสเตรเลียเพิ่มเติมนั้น สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลออสเตรเลียให้ความสำคัญในโครงการพลังงานทดแทน ซึ่งกำหนดว่าในปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็น 20% ของกำลังผลิตทั้งหมด โดยในปัจจุบันมีกำลังผลิตประมาณ 50,000 เมกะวัตต์ แต่เป็นการผลิตจากพลังงานทดแทนเพียง 2,000 เมกะวัตต์เท่านั้น
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ มีความสนใจและพร้อมที่จะเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่หากรัฐประกาศให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินการโรงไฟฟ้าไอพีพีเพิ่มเติม เพื่อให้ทันความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต หลังจากปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าทุบสถิติสูงสุดในฤดูร้อนปีนี้ ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ต้องสั่งเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงหลายโรงเดินเครื่องเต็มที่ หลังจากกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้ พื้นที่โรงไฟฟ้าราชบุรียังมีเหลือเพียงพอที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้เพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงทุนเมื่อใดขึ้นอยู่กับการประมูลไอพีพีรอบใหม่นี้
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแผนลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมเพิ่มเติมอีก 200 เมกะวัตต์ในประเทศออสเตรเลีย ขณะนี้อยู่ระหว่างการขออนุญาตจากรัฐบาลท้องถิ่น คาดว่าภายใน 1-2 ปีนี้จะมีความชัดเจนขึ้น
การลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมใหม่นี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 18,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในออสเตรเลีย 1,126 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังลม 150 เมกะวัตต์ หลังจากเข้าไปซื้่อหุ้นในกองทุน Transfield Services Infrastructure Fund (TSIF) ซึ่งเป็นกองทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภคในออสเตรเลีย แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท RATCH-Australia Corporation Limited หรืออาร์เอซี ที่บริษัทฯ จะถือหุ้นจนครบ 80% ภายในกลางปีนี้
การตัดสินใจลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมในออสเตรเลียเพิ่มเติมนั้น สืบเนื่องจากนโยบายของรัฐบาลออสเตรเลียให้ความสำคัญในโครงการพลังงานทดแทน ซึ่งกำหนดว่าในปี 2563 จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็น 20% ของกำลังผลิตทั้งหมด โดยในปัจจุบันมีกำลังผลิตประมาณ 50,000 เมกะวัตต์ แต่เป็นการผลิตจากพลังงานทดแทนเพียง 2,000 เมกะวัตต์เท่านั้น
ส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ มีความสนใจและพร้อมที่จะเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าไอพีพีรอบใหม่หากรัฐประกาศให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินการโรงไฟฟ้าไอพีพีเพิ่มเติม เพื่อให้ทันความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต หลังจากปัจจุบันความต้องการใช้ไฟฟ้าทุบสถิติสูงสุดในฤดูร้อนปีนี้ ทำให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)ต้องสั่งเดินเครื่องจักรโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใช้น้ำมันเตาเป็นเชื้อเพลิงหลายโรงเดินเครื่องเต็มที่ หลังจากกำลังการผลิตโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯ และโรงไฟฟ้าพลังน้ำมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ
ทั้งนี้ พื้นที่โรงไฟฟ้าราชบุรียังมีเหลือเพียงพอที่จะก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้เพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะลงทุนเมื่อใดขึ้นอยู่กับการประมูลไอพีพีรอบใหม่นี้
