“มิลค์กี้ เวย์” เจ้าพ่อเครื่องหนัง-สิ่งทอส่งออก แตกไลน์รุกธุรกิจขายตรง ตั้งเป้ารายได้ปีแรก 100 ล้านบาท คุย 7 ปีกินรวบขายตรงเอเชีย
นายสุมิตร วชโรดมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลค์กี้ เวย์ จำกัด กล่าวว่า นอกจากธุรกิจเครื่องหนังและสิ่งทอส่งออก บริษัทได้ศึกษาตลาดขายตรงมานานแล้ว ล่าสุดได้รุกเข้าสู่ธุรกิจขายตรง เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจขายตรงสามารถขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการสร้างโอกาสให้ธุรกิจ สมาชิก และผู้บริโภคทั่วไปได้อย่างทั่วถึง ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับบริษัทขายตรงซึ่งเป็นธุรกิจตัวใหม่จะดำเนินงานภายใต้แบรนด์ “SERVE PLUS” และ “FAZZA” โดยมีสำนักงานอยู่ที่พระราม 2 สาขาย่อยที่พระราม 9 ขณะที่ภาคเหนือจะอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก อีสานที่ขอนแก่น ส่วนภาคใต้อยู่ที่หาดใหญ่ โดยสินค้าที่เรานำเสนอมี 2 แบบ คือ เรื่องของสุขภาพ กับเรื่องของบำรุงผิว โดยสินค้าทั้งหมดเป็นผลผลิตที่มาจากภูมิปัญญาไทย เช่นสินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรกว่าจะมีรายได้ 100 ล้านบาท และมีสมาชิก 2-3 หมื่นราย และคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายจะอยู่ที่ 20-30% ต่อปี ซึ่งในปีที่ 2-3 จะมียอดขายเพิ่มเป็น 500-1,000 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะขยายฐานทำตลาด โดยคาดว่า 3-4 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะขยายตลาดไปในประเทศอินเดีย บังกลาเทศ และศรีลังกา คาดว่าภายใน 5 ปีจะมียอดขายถึง 5,500-6,000 ล้านบาท การเปิดธุรกิจขายตรงไปยังต่างประเทศครั้งนี้ คาดไม่เกิน 7 ปี บริษัทฯ จะสามารถเปิดตลาดในทวีปเอเชียได้ทั้งหมด เนื่องจากเรามีความพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของคอนเนกชันกับลูกค้าที่เรามีพื้นฐานทางด้านการส่งออกของตระกูลเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าได้เปรียบคู่แข่งขันทางธุรกิจ โดยในส่วนของยอดขายตลาดเอเชียคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท
นายสุมิตร วชโรดมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิลค์กี้ เวย์ จำกัด กล่าวว่า นอกจากธุรกิจเครื่องหนังและสิ่งทอส่งออก บริษัทได้ศึกษาตลาดขายตรงมานานแล้ว ล่าสุดได้รุกเข้าสู่ธุรกิจขายตรง เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจขายตรงสามารถขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการสร้างโอกาสให้ธุรกิจ สมาชิก และผู้บริโภคทั่วไปได้อย่างทั่วถึง ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับบริษัทขายตรงซึ่งเป็นธุรกิจตัวใหม่จะดำเนินงานภายใต้แบรนด์ “SERVE PLUS” และ “FAZZA” โดยมีสำนักงานอยู่ที่พระราม 2 สาขาย่อยที่พระราม 9 ขณะที่ภาคเหนือจะอยู่ในจังหวัดพิษณุโลก อีสานที่ขอนแก่น ส่วนภาคใต้อยู่ที่หาดใหญ่ โดยสินค้าที่เรานำเสนอมี 2 แบบ คือ เรื่องของสุขภาพ กับเรื่องของบำรุงผิว โดยสินค้าทั้งหมดเป็นผลผลิตที่มาจากภูมิปัญญาไทย เช่นสินค้าที่มีส่วนผสมของสมุนไพรไทย โดยตั้งเป้ายอดขายในปีแรกว่าจะมีรายได้ 100 ล้านบาท และมีสมาชิก 2-3 หมื่นราย และคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายจะอยู่ที่ 20-30% ต่อปี ซึ่งในปีที่ 2-3 จะมียอดขายเพิ่มเป็น 500-1,000 ล้านบาท
ขณะที่ตลาดต่างประเทศจะขยายฐานทำตลาด โดยคาดว่า 3-4 ปีข้างหน้าบริษัทฯ จะขยายตลาดไปในประเทศอินเดีย บังกลาเทศ และศรีลังกา คาดว่าภายใน 5 ปีจะมียอดขายถึง 5,500-6,000 ล้านบาท การเปิดธุรกิจขายตรงไปยังต่างประเทศครั้งนี้ คาดไม่เกิน 7 ปี บริษัทฯ จะสามารถเปิดตลาดในทวีปเอเชียได้ทั้งหมด เนื่องจากเรามีความพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของคอนเนกชันกับลูกค้าที่เรามีพื้นฐานทางด้านการส่งออกของตระกูลเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าได้เปรียบคู่แข่งขันทางธุรกิจ โดยในส่วนของยอดขายตลาดเอเชียคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2-3 หมื่นล้านบาท
